คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยึดทรัพย์จำเลยก่อนคำพิพากษานั้น แม้การยึดทรัพย์เจ้าพนักงานจะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบเพราะไม่พบตัวจำเลยก็ไม่ทำให้การยึดนั้นเสียไป
จำเลยซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา แก่ผู้ซื้อ แม้ผู้ซื้อจะซื้อโดยสุจริต ก็ไม่ได้กรรมสิทธิตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 259,305 และในภายหลังปรากฎว่าจำเลยถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เพราะมีผู้ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ที่ถูกยึดดังกล่าวข้างต้นได้ เนื่องจากเมื่อซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกันแล้ว ผู้ซื้อก็ขนเอาทรัพย์นั้นไปหมด โดยผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้นได้รู้เห็น ดังนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องให้ผู้ซื้อทรัพย์นั้นกับผู้ดูแลรักษาทรัพย์นั้น ส่งทรัพย์ที่เอาไปได้ถ้าส่งไม่ได้ก็ต้องใช้ราคา

ย่อยาว

ทางพิจารณาได้ความว่า เดิมนางถนอมเป็นโจทก์ฟ้องนายหลีเหวงอิ่มกับพวก เรียกหนี้สิน และนำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๔,๑๕ ตุลาคม ๒๔๙๑ ต่อมานางถนอมขอถอนการยึดทรัพย์ ศาลสั่งอนุญาตวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ เจ้าพนักงานบังคับคดีเซ็นทราบคำสั่งวันที่ ๘ เดือนเดียวกัน ดังปรากฎในคดีแดงที่ ๑๑๘/๒๔๙๑
ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๑ นายหยินปั้นฟ้องนายหลีเหวงอิ่ม เป็นคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราว เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ และได้ออกหมายถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันเดียวกัน
จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาซื้อขายทรัพย์ที่ถูกยึดกับ ม.ร.ว.กาญจนรส เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๑ ซื้อแล้ว ๒ วันก็ให้คนขนเครื่องจักรและสิ่งของไป ส่วนจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ดูแลรักษาทรัพย์รายนี้ ได้รู้เห็น โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้ศาลบังคับจำเลย ทั้ง ๒ ส่งมอบสิ่งของที่ขายดังกล่าวให้โจทก์ ถ้าส่งไม่ได้ให้ใช้ราคา
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยส่งทรัพย์ตามบัญชีหมาย ค. รวม ๓๓ รายการ ถ้าส่งไม่ได้ให้ใช้ราคา ๑๖๙๔๔ บาท
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์จึงฎีกาขึ้นมา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในคดีที่นางถนอมเป็นโจทก์ การยึดทรัพย์ เจ้าพนักงานจะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบเพราะไม่พบตัวจำเลย ก็ไม่ทำให้การยึดนั้นเสียไป จำเลยที่ ๑ ได้ซื้อและขนทรัพย์ที่อยู่ในระหว่างเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไป ซึ่งเป็นการผิดกฎหมายโดยชัด เพราะแม้แต่เป็นเจ้าของทรัพย์นั้นเอง ก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาทรัพย์ที่ยึดต้องอายัติไปขายได้ ฉะนั้น จำเลยที่ ๑ ผู้ซื้อทรัพย์แม้จะโดยสุจริต ก็หาอาจยกขึ้นยันโอนได้ไม่ตามนัยแห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๒๕๙ ,๓๐๕ และในการนี้ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถเข้าครอบครองทรัพย์ได้ตามอำนาจและหน้าที่ จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยส่งทรัพย์ที่เอาไป
จึงพิพากษากลับ ให้บังคับคดีศาลชั้นต้น

Share