แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ลิฟท์ซึ่งติดตั้งไว้ที่อาคารชุด มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันของเจ้าของร่วมจึงถือเป็นทรัพย์ส่วนกลาง การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบำรุงรักษาลิฟท์จึงต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 วรรคสอง ซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระเป็นรายเดือน ค่าใช้จ่ายในส่วนที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระจึงถือเป็นเงินค้างจ่าย ซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (4) และต้องถือว่าสิทธิเรียกร้องประเภทนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดอายุความไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำ ป.พ.พ. มาตรา 193/30 มาใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการและดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดสราญใจแมนชั่น โจทก์จึงมีหน้าที่ในการให้บริการและจัดการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วม ซึ่งเจ้าของร่วมจะต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมให้แก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของโจทก์ และตามมติของที่ประชุมเจ้าของร่วม ค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมดังกล่าวได้แก่ค่าใช้จ่ายให้จ้างคนงานคนสวน ยาม เงินเดือนพนักงาน ผู้จัดการที่ปรึกษา เสมียนพนักงานรวมตลอดจนค่าดูแลรักษาดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลาง ค่าภาษีอากร ค่าเบื้ยประกันภัยทุกชนิดของอาคารโดยคิดตามเนื้อที่ คือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคล (ซึ่งเจ้าของร่วมจะต้องนำมาชำระให้แก่โจทก์ ณ ที่ทำการของโจทก์ภายในวันที่ 5 ของเดือน หากผิดนัดโจทก์มีสิทธิคิดเบี้ยปรับได้ จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องชุดเลขที่ 17/376 และ 17/377 ของอาคารชุดสราญใจ แมนชั่น จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมให้แก่โจทก์ตามเนื้อที่ในอัตราเดือนละ 836.10 บาท และ 929.25 บาท ตามลำดับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2535 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในห้องชุดทั้งสองดังกล่าว แต่ปรากฏว่าจำเลยผิดนัดไม่ชำระตามกำหนด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 245,490.69 บาท พร้อมเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน ของต้นเงินจำนวน 134,073.45 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 เป็นต้นไป กับให้ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมสำหรับห้องชุดเลขที่ 17/376 ในอัตราเดือนละ 836.10 บาท และห้องชุดเลขที่ 17/377 ในอัตราเดือนละ 929.25 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 เป็นต้นไป และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลทรัพย์สินส่วนกลางสำหรับห้องชุดเลขที่ 17/376 ในอัตราเดือนละ 111.48 บาท และสำหรับห้องชุดเลขที่ 17/377 ในอัตราเดือนละ 123.90 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมอันเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระทุกเดือน จึงถือได้ว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินค้างจ่ายที่มีการกำหนดจ่ายเป็นระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (4) สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงมีกำหนดอายุความ 5 ปี จำเลยค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2538 แต่โจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2544 เกินระยะเวลา 5 ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ โจทก์กำหนดค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมขึ้นเองโดยไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 ข้อกำหนดดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี และไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลทรัพย์ส่วนกลาง ทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดูแลทรัพย์ส่วนกลางก็ซ้ำซ้อนกับค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วม โจทก์ไม่ได้ชำระค่าเบี้ยประกันภัยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชำระให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,166 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละงวด งวดละ 836.10 บาท เริ่มงวดแรกวันที่ 5 ธันวาคม 2539 งวดต่อไปทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป โดยงวดสุดท้ายวันที่ 5 พฤศจิกายน 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 55,755 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละงวด งวดละ 929.25 บาท เริ่มงวดแรกวันที่ 5 ธันวาคม 2539 งวดต่อไปทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป โดยงวดสุดท้ายวันที่ 5 พฤศจิกายน 2544 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเบี้ยประกันภัยอาคารจำนวน 5,795.05 บาท แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้เท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า โจทก์มีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลทรัพย์ส่วนกลางคือค่าบริการบำรุงรักษาลิฟท์ได้ตามข้อบังคับเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 17 (2) การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 49 และสิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายส่วนกลางหรือค่าใช้จ่ายร่วมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้บัญญัติอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 มาบังคับใช้สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความนั้น คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 และ 247 ซึ่งในปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาทรัพย์ส่วนกลางหรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ.12 ว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2542 คณะกรรมการควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุดสราญใจแมนชั่นจำนวน 9 คน ได้ประชุมกันและมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เรียกเก็บค่าบริการบำรุงรักษาลิฟท์ในอัตราตารางเมตรละ 2 บาท ต่อเดือน เห็นว่า ลิฟท์ซึ่งติดตั้งไว้ที่อาคารชุดสราญใจแมนชั่น มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันของเจ้าของร่วมจึงถือเป็นทรัพย์ส่วนกลาง การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบำรุงรักษาลิฟท์จึงต้องเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ.2522 มาตรา 18 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “เจ้าของร่วมต้องร่วมกันออกค่าภาษีอากร ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลรักษา และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์ส่วนกลางตามอัตราส่วนที่เจ้าของร่วมแต่ละคนมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลางตามมาตรา 14 ” ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 วรรคสอง ดังกล่าวนี้ ซึ่งตนมีหน้าที่ต้องชำระเป็นรายเดือน ค่าใช้จ่ายในส่วนที่จำเลยผิดนัดไม่ชำระจึงถือเป็นเงินค้างจ่าย ซึ่งสิทธิเรียกร้องในส่วนที่เป็นเงินค้างจ่ายนั้นมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (4) และต้องถือว่าสิทธิเรียกร้องประเภทนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดอายุความไว้เป็นการเฉพาะแล้ว จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 มาใช้บังคับได้ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ