คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2018/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497 บุคคลที่จะใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากต้องเป็นผู้ขายเดิมทายาทผู้ขายเดิมผู้รับโอนสิทธิหรือบุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้เป็นการกำหนดตัวผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์สินไว้โดยเฉพาะเจาะจงแล้ว โจทก์มิใช่บุคคลที่มีสิทธิในการไถ่ที่ดินพิพาทตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนั้นแม้โจทก์จะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 ผู้ขายฝากหรือไม่ก็ตามโจทก์จะอ้างเหตุว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสและขอใช้สิทธิไถ่ที่พิพาทหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นภริยาของจำเลยที่ 2 ที่ดินพิพาทจำเลยที่ 2 ได้รับโอนมาระหว่างอยู่กินกับโจทก์ จึงเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นเงิน 600,000 บาทมีกำหนดเวลา 2 ปี ต่อมาจำเลยที่ 2 จะขอไถ่ที่ดินที่ขายฝากแล้วขายฝากแก่จำเลยที่ 1 ใหม่ โดยเพิ่มเงินเป็น 1,000,000 บาทโจทก์จึงได้ไปอายัดไว้ เจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้โจทก์ดำเนินคดีทางศาล โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่ง ขอให้ลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดินพิพาทต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดินยอมให้ที่ดินพิพาทหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ 1 โจทก์ได้ขอไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้ไถ่ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองยอมให้โจทก์ไถ่ที่ดินพิพาท หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์และจำเลยที่ 2 มิได้เป็นสามีภรรยากันโจทก์มิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่เคยขอไถ่ที่ดินพิพาทภายในกำหนดอายุสัญญาขายฝากและโจทก์ไม่มีสิทธิในการไถ่ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์กับจำเลยที่ 2 มิใช่สามีภริยากันโจทก์กับจำเลยที่ 2 อยู่กินด้วยกันแต่มิได้จดทะเบียนสมรส ที่ดินพิพาทที่จำเลยที่ 2 รับโอนมาจึงมิใช่สินสมรส จำเลยที่ 2 ได้ขายฝากที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 1เพื่อนำเงินมาอุปการะครอบครัวและใช้หนี้บุคคลอื่นกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตกเป็นของจำเลยที่ 1 แล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ในปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิไถ่ที่ดินพิพาทซึ่งจำเลยที่ 2ขายฝากไว้แก่จำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 497 บัญญัติว่า ผู้มีสิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้นได้แก่ ผู้ขายเดิมหรือทายาทผู้ขายเดิม หรือผู้รับโอนสิทธินั้น หรือบุคคลซึ่งในสัญญายอมไว้โดยเฉพาะว่าให้เป็นผู้ไถ่ได้ เป็นการกำหนดตัวผู้มีสิทธิไถ่ทรัพย์สินไว้โดยเฉพาะเจาะจงแล้ว ดังนั้นโจทก์จะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 ผู้ขายฝากหรือไม่ก็ตาม โจทก์ก็มิใช่บุคคลที่มีสิทธิในการไถ่ที่ดินพิพาทตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และโจทก์จะอ้างเหตุอื่นดังที่กล่าวมาในฎีกาเพื่อขอใช้สิทธิไถ่ที่ดินพิพาทก็หาเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิไถ่ที่ดินพิพาทได้ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิไถ่ที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1 ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นตามฎีกาของโจทก์อีก
พิพากษายืน.

Share