คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2017/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 5 ยื่นคำให้การในกำหนด คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่สั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การจนถึงชั้นพิพากษาย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ชอบที่จะสั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันรับผิดในมูลหนี้ละเมิด จึงเป็นหนี้ร่วมที่มิอาจจะแบ่งแยกได้ การที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยคนใดคนหนึ่งรับผิดในมูลหนี้ร่วมดังกล่าวจำต้องรับฟังพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทุกคน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การโดยมิใช่ความผิดของจำเลยที่ 5 พยานหลักฐานของจำเลยที่ 5 ที่จะนำสืบก็ยังไม่ปรากฏในสำนวน ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ไปโดยไม่รอฟังพยานหลักฐานของจำเลยที่ 5 ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และผู้ครอบครองบ้านและที่ดิน จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1จำเลยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ได้อนุมัติและตกลงทำสัญญาว่าจ้างให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองแสนแสบตอนคลองตัน โดยดำเนินการตอกเสาคอนกรีตขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้ตัวอาคารบ้าน 2 ชั้น ของโจทก์ทรุด อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ร่วมกันและแทนกันใช้ค่าเสียหายจำนวน1,209,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ต้องเสียค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,500 บาทกับใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 มิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวน 1,059,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เท่ากับค่าเช่าอีกเดือนละ 1,500 บาทนับแต่เดือนกรกฎาคม 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนของศาลชั้นต้นตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในภายหลังว่า จำเลยที่ 5 ไม่ได้ขาดนัดยื่นคำให้การ เพราะจำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและศาลชั้นต้นได้สั่งรับคำให้การของจำเลยที่ 5 แล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ดังนั้น การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำเลยที่ 5 ตั้งแต่สั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การจนถึงชั้นพิพากษาคดีให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 5 แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้ และเนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในมูลหนี้ละเมิดให้แก่โจทก์ หนี้ดังกล่าวจึงเป็นหนี้ร่วมที่มิอาจจะแบ่งแยกได้ แม้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จะชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่การที่ศาลจะพิพากษาให้จำเลยคนหนึ่งคนใดรับผิดชดใช้เงินในมูลหนี้ร่วมที่มิอาจจะแบ่งแยกได้ให้แก่โจทก์เพียงใดจำเป็นที่ศาลจะต้องรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยทุกคนนำสืบให้ปรากฏในสำนวนร่วมกัน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ 5 ขาดนัดยื่นคำให้การโดยมิใช่ความผิดของจำเลยที่ 5 พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 5 จะนำสืบก็ยังไม่ปรากฏในสำนวน ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 4 ไปโดยไม่รอฟังพยานหลักฐานของจำเลยที่ 5 ก่อน แต่เนื่องจากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ไม่แจ้งชัดว่าจะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แก่คู่ความทั้งสองฝ่ายหรือแก่เฉพาะจำเลยที่ 5 ที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบเพียงรายเดียวศาลฎีกาจึงเห็นสมควรสั่งให้ชัดเจนว่า ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 5 ที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบเพียงรายเดียวเท่านั้น โดยไม่จำต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่สำหรับคู่ความรายอื่นที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เฉพาะจำเลยที่ 5 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share