คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้มะค่าโมงแปรรูปจำนวน6แผ่นปริมาตร0.67ลูกบาศก์เมตรและไม้ยางแปรรูป192แผ่นปริมาตร7.06ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่1เป็นผู้ประกอบสัมมาชีพมีความประพฤติเรียบร้อยจำเลยที่2รับราชการทหารทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้มีอาชีพค้าไม้และไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนจึงสมควรรอการลงโทษจำเลยทั้งสองเพื่อให้เป็นพลเมืองดีต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไม้มะค่าโมงแปรรูปจำนวน 6แผ่น ปริมาตร 0.67 ลูกบาศก์เมตร ไม้ยางแปรรูปจำนวน 192 แผ่น ปริมาตร7.06 ลูกบาศก์เมตร รวมปริมาตรเนื้อไม้ทั้งหมด 7.72 ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีไมัแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยวางโทษจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือนริบของกลาง คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรอง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ไม้ของกลางต้องเสียค่าภาคหลวง 672 บาทเป็นจำนวนไม่มากนัก นายอำเภออำนาจเจริญและกำนันตำบลบุ่ง มีหนังสือรับรองว่าจำเลยที่ 1 ประกอบสัมมาชีพโดยรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรและประกอบกิจการโรงสีข้าวตามนโยบายของรัฐบาลเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน สำหรับจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างดูแลควบคุมเครื่องจักรโรงสีข้าวของจำเลยที่ 1 และขณะนี้จำเลยที่ 2รับราชการทหารอยู่ เห็นว่า จำเลยทั้งสองมีอาชีพโดยสุจริต พนักงานฝ่ายปกครองได้รับรองความประพฤติให้จำเลยที่ 1 ว่าเป็นผู้ประกอบสัมมาชีพมีความประพฤติเรียบร้อย จำเลยที่ 2 ก็กำลังรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหาร จำเลยทั้งสองไม่ได้มีอาชีพค้าไม้และไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรรอการลงโทษเพื่อให้เป็นพลเมืองดีต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกคนละ 3 ปี และปรับคนละ 6,000 บาทจำเลยทั้งสองรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 3,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”.

Share