แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญาซื้อขายเครื่องจักร์กันเป็นหนังสือ โจทก์ผู้ซื้อได้วางเงินมัดจำและชำระหนี้บางส่วนแล้ว โจทก์ขอสืบพยานบุคคลว่าในการที่จำเลยขายเครื่องจักร์ให้โจทก์นั้น จำเลยผู้ขายได้พรรณาถึงคุณภาพไว้ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เขียนไว้ในสัญญา ศาลอนุญาตให้สืบได้ เพราะคดีนี้ไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทำสัญญาซื้อเครื่องปั๊มไฮดรอลิก ตามแค๊ตตาล๊อกของบริษัท กับจำเลย ตามสัญญาท้ายฟ้อง โดยจำเลยพรรณาคุณภาพไว้ ครั้งถึงคราวส่งของ จำเลยกลับส่งเครื่องเปรสเลสไฮดรอลิก และทำงานไม่ได้ดังคำพรรณาซึ่งนับว่าผิดสัญญา จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรับรองคืน และเรียกเงินคืน พร้อมกับเรียกดอกเบี้ยด้วย
จำเลยต่อสู้ว่าขายเครื่องจักร์ตามแค๊ตตาล๊อก และ จำเลยไม่ได้พรรณาคุณภาพ กับฟ้องแย้งขอเรียกเงินที่โจทก์ชำระยังไม่หมด
โจทก์แก้ฟ้องแย้งว่า ที่ชำระไม่หมดเพราะจำเลยส่งของทำงานไม่ได้ผลตามคำพรรณาจึงหน่วงเหนี่ยวไว้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎกีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยเถียงกว่าการ่ตกลงระหว่างโจทก์จำเลยมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งได้อ้างมาเป็นพยาน ศาลต้องฟังว่าคู่ความได้ตกลงกันเฉพาะข้อความในสัญญา โจทก์จะสืบพยานบุคคลถึงว่าได้มีการตกลงกันนอกเหนือสัญญาไม่ได้ เพราะขัดต่อประมวล วิฯ แพ่ง มาตรา ๙๔ ว่า สัญญานี้นอกจากจะทำเป็นหนังสือแล้ว โจทก์ยังได้วางมัดจำและชำระหนี้บางส่วน ฉะนั้นแม้ไม่มี พยานเอกสาร มาแสดงก็อาจฟ้องได้ กรณีไม่เข้าข้อต้องห้าม มิให้สืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างของคู่ความ เพื่อเพิ่มเติมแลแก้ไขข้อความในสัญญา ตามประมวล วิ.แพ่ง มาตรา ๔๔ โจทก์สืบได้ และเมื่อฟังที่โจทก์สืบมาน่าเชื่อว่าจำเลยได้ขายสินค้ามีการพรรณาถึงคุณภาพ เมื่อของที่จำเลยส่งให้โจทก์ไม่ตรงกับคำพรรณาคุณภาพ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญา จึงพิพากษายืน.