แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามบทบัญญัติในมาตรา 158 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่า พยานหลักฐานที่ ได้สอบสวนแล้วพอที่จะมีคำสั่งได้แล้วหรือไม่ โดยพิจารณาพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่เพียงพอจะทราบความจริง ได้ว่า ทรัพย์ที่ยึด มา นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึด หรือไม่ ก็ย่อมถือได้แล้วว่า เป็นการสอบสวนตามความหมายในมาตรา 158 แล้วไม่จำต้องสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องต่อไปให้ล่าช้า ผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลาย อัน เป็นกฎหมายพิเศษซึ่ง ต้องการให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยด่วน.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้ที่ 1 ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 8329 โฉนดเลขที่ 18199 และโฉนดเลขที่ 150333 ถึง 150335พร้อมสิ่งปลูกสร้างคือตึกแถวเลขที่ 915/3-5 (ที่ถูกเป็น 916/3-4)ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทบีแอนด์ซัน จำกัด ที่ 1นายธารกุล เสาวพฤกษ์ ที่ 2 ลูกหนี้ (จำเลย) ในคดีหมายเลขแดงที่ ล.153/2527 ของศาลชั้นต้น ได้ยื่นคำร้องให้ถอนการยึดทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้ถอนการยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วยเหตุว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่สินสมรสแต่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายธารกุลแต่ผู้เดียว เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม2530 ผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้ที่ 1 กับนายธารกุลเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย หนี้ที่เกิดขึ้น ลูกหนี้ที่ 1 กับนายธารกุลจึงต้องรับผิดร่วมกันอย่างลูกหนี้ร่วม ฉะนั้นที่ดินทั้ง 5 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวย่อมยึดมาชำระหนี้ได้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายธารกุล ลูกหนี้ที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ล.153/2527 ผู้ร้องขัดทรัพย์และพยานของฝ่ายลูกหนี้ที่ 1 โดยไม่ให้โอกาสผู้ร้องแสดงหลักฐานว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินสมรสและมีเหตุอย่างอื่นที่สามารถยึดทรัพย์สินดังกล่าวได้ เป็นการไม่ชอบขอให้ศาลกลับคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ถอนการยึดที่ดินทั้ง5 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และมีคำสั่งว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสินสมรสหรือเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างนายธารกุลกับลูกหนี้ที่ 1และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการสอบสวนพยานผู้ร้องต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ที่ดินทั้งห้าแปลงดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของนายธารกุล และตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483เป็นกฎหมายพิเศษเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปรวดเร็ว เมื่อมีการคัดค้านการยึดทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนประกอบกับพฤติการณ์เพียงพอที่จะทราบความจริงได้ว่า ทรัพย์ที่ยึดมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึดได้หรือไม่ย่อมถือได้ว่า เป็นการสอบสวนตามมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมพิจารณาและมีคำสั่งได้โดยไม่จำต้องให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ผู้นำยึดตรวจสอบสวนพยานหลักฐาน และให้โอกาสโต้แย้งหลักฐานดังกล่าวก่อนแต่ประการใดกระบวนพิจารณาในสำนวนร้องขัดทรัพย์ชั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำสั่งของเจ้าพนักงานให้ถอนการยึดที่ดิน5 แปลง พร้อมตึกแถวเลขที่ 916/3-4 ที่ยึดไว้ชอบด้วยเหตุผลขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะวินิจฉัยประการแรกมีว่า การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 ไม่ทำการสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เสียหายก่อนมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด คงสอบสวนพยานฝ่ายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 2เพียงฝ่ายเดียวเป็นการชอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามความในมาตรา 158 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ที่ว่า เมื่อผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านการยึดทรัพย์ ก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวน ฯลฯ นั้น มิใช่หมายความถึงกับต้องสอบสวนพยานของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียด้วยเสมอไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีดุลพินิจที่จะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ได้สอบสวนแล้วพอที่จะมีคำสั่งได้แล้วหรือไม่โดยพิจารณาพยานหลักฐานและพฤติการณ์ที่เพียงพอจะทราบความจริงได้ว่าทรัพย์ที่ยึดมานั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิยึดหรือไม่ก็ย่อมถือได้แล้วว่า เป็นการสอบสวนตามความหมายในมาตรา 158 แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 ไม่จำต้องสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องต่อไปให้ล่าช้าผิดวัตถุประสงค์ของกฎหมายล้มละลายอันเป็นกฎหมายพิเศษ ซึ่งต้องการให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยด่วนอีก ฉะนั้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1สอบสวนพยานฝ่ายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของนายธารกุลลูกหนี้ที่ 2 ในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.153/2527 ของศาลชั้นต้นเพียงฝ่ายเดียว แล้วมีคำสั่งให้ถอนการยึดทรัพย์โดยไม่ได้สอบสวนพยานของผู้ร้องนั้น จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.