แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยใน ปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ส่วนฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย เพราะการนำสืบพยานของโจทก์เป็นเรื่องของรายละเอียดและเกี่ยวเนื่องกับประเด็นตามฟ้องหาแตกต่างจาก ฟ้องไม่ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 112 แผ่นที่ 2)
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท มีเนื้อที่และอาณาเขตตามแผนที่พิพาทห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป และให้จำเลยใช้ ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นข้าวเปลือกปีละ 3 เกวียน หรือใช้ เป็นเงินปีละ 7,500 บาท นับแต่ฤดูทำนาใน พ.ศ. 2531เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยและบริวารจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 93)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 103)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยในส่วนที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาของโจทก์ต่างกับฟ้องนั้น แท้จริงแล้วเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ