คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยโกรธผู้ตายที่กล่าวหาว่าจำเลยลักกระบือไปฆ่า จึงหาเหตุไปจับผู้ตายโดยอาศัยการที่จำเลยเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยจับผู้ตายได้แล้ว ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียที่กลางป่า การกระทำของจำเลยจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2512 เวลากลางคืนหลังเที่ยงจำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันฆ่านายพาด มอมประโคน โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ได้ทำอุบายจับกุมตัวนายพาดหาว่ากระทำผิดอาญาจะนำส่งเจ้าพนักงาน แล้วผูกมัดมือพาไปยังที่เกิดเหตุ จำเลยได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงนายพาดโดยเจตนาฆ่านายพาดถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่ตำบลบังกู อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 83

จำเลยที่ 1 ให้การว่าได้ทำร้ายผู้ตายจริง เพื่อป้องกันและบันดาลโทสะ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การปฏิเสธ

ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ฟังว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง ให้วางโทษประหารชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 จำเลยเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและรับว่าฆ่าผู้ตายจริง ลดโทษให้ 1 ใน 3คงจำคุกไว้ตลอดชีวิต มีดของกลางให้ริบ จำเลยที่ 2 ที่ 3 มิได้ร่วมสมคบกับจำเลยที่ 1 จึงให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกาต่อมา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาว่า จำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ ความข้อนี้โจทก์มีนายกลุ้ม นายวันเบิกความสอดคล้องต้องกันฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 โกรธผู้ตายที่บอกนายวันว่าจำเลยที่ 1 เอากระบือของนายวันที่หายไปฆ่าเสีย จำเลยที่ 1 จึงหาเหตุจับผู้ตายไปโดยอาศัยการที่จำเลยที่ 1 เป็นอาสาสมัครรักษาดินแดน เมื่อจำเลยที่ 1 จับผู้ตายไปแล้ว จำเลยที่ 1 ก็พาผู้ตายไปฆ่าทิ้งเสียกลางป่าการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีมาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share