แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ว่าหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้รายเดียวกับที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายที่เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องคดีก็ตาม ก็หามีผลผูกพันให้ศาล จำต้องถือตามไม่ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นำมาขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94(2) และยกคำขอรับชำระหนี้นั้นเสียได้
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2528
ย่อยาว
คดีนี้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด นางบุญนาค รัตนสุนทร เจ้าหนี้รายที่ 11ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เงินกู้ตามเช็ค 5 ฉบับ ที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายให้โดยจำเลยที่ 2 สลักหลัง รวมเป็นเงิน 910,000 บาท ไม่มีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นเสนอต่อศาลว่า ควรยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้ เพราะไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามเช็ค 910,000 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า หนี้ตามเช็ค 910,000 บาทนี้ เป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้อยู่แล้วว่าลูกหนี้มีหนี้สินพ้นตัว จึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 94(2)
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า แม้ว่าหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้รายเดียวกับที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายเรื่องนี้ก็ตาม ก็หามีผลผูกพันในศาลจำต้องถือตามไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้นางบุญนาคเจ้าหนี้รายที่ 11 ได้รับชำระหนี้รายนี้ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของนางบุญนาค รัตนสุนทรเจ้าหนี้รายที่ 11 เสีย ให้นางบุญนาคใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ทั้งสิ้น เฉพาะค่าทนายความให้เป็นพับ