คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ได้รับทุน เอ.ไอ.ดี. ซึ่งเป็นทุนที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาลไทย ไปศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ โดยจำเลยที่ 1 สัญญาว่าเมื่อเสร็จการศึกษาแล้วจะกลับมารับราชการในหน่วยงานของโจทก์ที่ 1 หรือกระทรวง ทบวง กรมอื่นตามที่โจทก์ที่ 1 เห็นสมควรเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของเวลาที่ได้รับทุน หลังจากสำเร็จการศึกษา ณ ต่างประเทศแล้ว จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาลาออกจากราชการก่อนครบกำหนดรับราชการใช้ทุนคืนดังนี้จำเลยที่ 1 จะต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะเงินทุนที่ได้รับมิใช่ของรัฐบาลไทยและค่าเครื่องบินก็เป็นของโจทก์ที่ 2 หาได้ไม่ เพราะทุนดังกล่าวรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มอบให้แก่รัฐบาลไทย และเมื่อมีการผิดสัญญา เงินที่ได้รับชดใช้จากผู้ได้รับทุนจะได้นำไปจัดสรรเป็นทุนใหม่ต่อไป ส่วนค่าเครื่องบินนั้นแม้จะเป็นเงินของโจทก์ที่ 2 ก็เป็นเงินของทางราชการ ซึ่งจำเลยที่ 1 ทำสัญญาผูกพันให้ไว้แก่โจทก์ที่ 1 ว่าจะชำระคืนให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ จำเลยที่ ๑ เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นตรีตำแหน่งเศรษฐกรตรี กองวิชาการและสถิติของโจทก์ที่ ๑ เป็นผู้สอบคัดเลือกได้และได้รับอนุญาตให้ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยทุนของ เอ.ไอ.ดี. ซึ่งโจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ดำเนินการติดต่อรับทุนดังกล่าวแทนรัฐบาลไทย แล้วนำมาจัดสรร ให้แก่ผู้รับทุนในหน่วยราชการต่าง ๆ มีกำหนด ๒ ปี ได้ทำสัญญาของข้าราชการที่ไปศึกษาหรืออบรม ณ ต่างประเทศไว้กับโจทก์ที่ ๑ มีใจความว่าเมื่อเสร็จการศึกษาหรือฝึกอบรม จะต้องกลับมารับราชการในหน่วยงานของโจทก์ที่ ๑ หรือกระทรวง ทบวง กรมอื่นตามที่โจทก์ที่ ๑ เห็นสมควร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒ เท่าของเวลาที่ได้รับทุน ถ้าผิดสัญญาจะต้องใช้ทุนคืนและหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มหรือเงินอื่นใดที่จำเลยที่ ๑ ได้รับจากทางราชการ และจะต้องเสียเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ที่ ๑ เท่ากับจำนวนเงินที่จะต้องใช้คืนมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ได้เดินทางไปศึกษาในต่างประเทศจนสำเร็จแล้วกลับมารับราชการใช้คืนทุนได้ระยะหนึ่ง ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ลาออกจากราชการ ก่อนครบกำหนดเวลารับราชการใช้ทุนคืน เป็นการผิดสัญญา จึงต้องใช้เงินคืนแก่โจทก์ทั้งสอง และจำเลยที่ ๒ ต้องรับผิดใช้เงินร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย โจทก์เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ได้รับทุน เอ.ไอ.ดี.ไปศึกษาต่อในต่างประเทศเป็นเวลา ๒ ปี กลับมารับราชการใช้ทุนไปบางส่วนต่อมาได้ลาออก ก่อนจะลาออกจำเลยที่ ๑ ได้สอบถามโจทก์ที่ ๑ ว่าถ้าลาออกจะต้องใช้เงินเท่าใด โจทก์ที่ ๑ แจ้งว่าต้องใช้เงิน ๓๒,๑๔๔.๓๐ บาท ซึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่าที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ จึงตัดสินใจลาออกและนำเงินไปชดใช้ให้แก่โจทก์ที่ ๑ ตามที่ได้รับแจ้งให้ทราบแล้ว ถ้าจำเลยที่ ๑ ทราบว่าจะต้องชดใช้เท่ากับที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ ก็จะไม่ลาออก โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องเคลือบคลุมและขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ เฉพาะเงินทุนที่โจทก์ที่ ๑ ได้ออกให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ มิได้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ จะเรียกร้องให้จำเลยที่ ๒ ชดใช้ค่าเครื่องบินไม่ได้ เมื่อจำเลยที่ ๑ ลาออกจำเลยที่ ๑ มีเงินสะสม โจทก์กลับจ่ายเงินสะสมให้จำเลยที่ ๑ ไป ทำให้จำเลยที่ ๒ ไม่อาจเข้ารับช่วงส่วนได้ทั้งหมดหรือบางส่วน จำเลยที่ ๒ จึงหลุดพ้นความรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน ๑๔๐,๘๗๓.๔๒ บาทพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ที่ ๑
โจทก์ที่ ๑ และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินจำนวน ๑๔๐,๐๕๑.๓๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ที่ ๑
โจทก์ที่ ๑ และจำเลยทั้งสองฎีกา โดยจำเลยทั้งสองฎีกาว่า โจทก์ที่ ๑ ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเงินทุน เอ.ไอ.ดี. เพราะเป็นเงินทุนของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มิใช่เงินของรัฐบาลไทย และค่าเครื่องบินก็เป็นเงินของโจทก์ที่ ๒ มิใช่เงินของโจทก์ที่ ๑
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาที่จำเลยที่ ๑ ทำไว้แก่โจทก์ที่ ๑ ระบุว่าในกรณีที่จำเลยที่ ๑ ซึ่งได้รับทุนประเภท ๑(ข) ผิดสัญญากลับมาปฏิบัติราชการไม่ครบเวลาจำเลยที่ ๑ จะต้องชดใช้ทุนและหรือเงินเดือนรวมทั้งเงินเพิ่มและหรือเงินอื่นใดทั้งสิ้น และคำว่า “ทุน” หมายถึงเงินค่าใช้จ่ายในการศึกษา ฝึกอบรม หรือดูงาน และรวมตลอดถึงค่าพาหนะเดินทางด้วย ทุนประเภท ๑(ข) ได้แก่ทุนที่รัฐบาลต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศ องค์การต่างประเทศหรือนิติบุคคลต่างประเทศมอบให้รัฐบาลไทย เพื่อส่งข้าราชการไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงานหรือปฏิบัติการวิจัยในต่างประเทศและรัฐบาลไทยตกลงรับทุนนั้นทุน เอ.ไอ.ดี. ที่จำเลยที่ ๑ ได้รับเป็นทุนที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้กับรัฐบาลไทยและเมื่อมีการผิดสัญญา เงินที่ได้รับชดใช้จากผู้ได้รับทุนจะได้นำไปจัดสรรเป็นทุนใหม่ต่อไป จำเลยที่ ๑ จึงต้องผูกพันชดใช้ทุนรวมทั้งเบี้ยปรับด้วย ส่วนค่าเครื่องบินแม้โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้จ่ายแต่ในข้อสัญญาจำเลยที่ ๑ ยินยอมชดใช้เงินทุนและหรือเงินอื่นใดทั้งสิ้นที่จำเลยที่ ๑ ได้รับจากทางราชการ แม้เงินค่าเครื่องบินโจทก์ที่ ๒ จะเป็นผู้จ่าย แต่ค่าเครื่องบินก็เป็นเงินของทางราชการซึ่งจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาผูกพันให้ไว้แก่โจทก์ที่ ๑ ว่าจะชำระคืนให้แก่โจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๑ จึงมีอำนาจฟ้องและศาลฎีกาได้วินิจฉัยจำนวนเงินที่ต้องชดใช้เป็นเงิน ๑๐๔,๖๒๙.๗๗ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองรวมกันชดใช้เงินจำนวน ๑๐๔,๖๒๙.๗๗ บาทแก่โจทก์ที่ ๑ พร้อมดอกเบี้ย

Share