แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 112เมื่อจำเลยผิดสัญญา พนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาได้ กรมตำรวจไม่ใช่พนักงานสอบสวนและมิได้เป็น คู่สัญญากับจำเลยจะฟ้องเองหรือมอบอำนาจให้ฟ้องหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2522 พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองปราบปราม ได้ควบคุมตัวนายชัยวัชร คล้ายไทย ผู้ต้องหาว่าปลอมและใช้เอกสารปลอม ฉ้อโกงประชาชนไว้เพื่อทำการสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ ในวันที่16 มกราคม 2522 จำเลยได้ทำสัญญาประกันให้ไว้กับพันตำรวจโทเสรี พรรคพิบูลย์พนักงานสอบสวนกองกับกำการ 1 กองปราบปราม มีใจความว่า จำเลยขอประกันตัวนายชัยวัชร ผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของโจทก์และสัญญาว่าจะส่งตัวนายชัยวัชรให้โจทก์ตามกำหนดนัด ถ้าจำเลยผิดสัญญาไม่นำตัวนายชัยวัชรมาส่งตามกำหนดนัดจำเลยยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท สัญญาทำเป็นหนังสือ ลงชื่อจำเลยต่อหน้าพยาน โจทก์อนุญาตให้ปล่อยตัวนายชัยวัชรไปชั่วคราวตามสัญญาประกัน ต่อมาโจทก์สั่งให้จำเลยส่งตัวนายชัยวัชรให้โจทก์ในวันที่ 29 มิถุนายน2522 จำเลยไปส่งตัวนายชัยวัชรให้โจทก์ตามกำหนด โจทก์มีหนังสือเตือนจำเลยหลายครั้ง จำเลยผัดผ่อนเรื่อยมา จำเลยผิดสัญญา โจทก์สั่งปรับเป็นเงิน 100,100บาท และทวงให้จำเลยชำระค่าปรับ จำเลยเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าจำเลยทำสัญญาประกันตามเอกสารท้ายฟ้องจริง แต่จำเลยทำให้กับกรมตำรวจ โจทก์ลงชื่อในสัญญาประกันในฐานะพนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นเพียงเจ้าพนักงานผู้หนึ่งจากกรมตำรวจ ไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง สัญญาประกันเป็นโมฆะเพราะไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ 2 คนตามกฎหมาย จำเลยไม่เคยผิดนัดผิดสัญญาประกัน จำเลยส่งตัวนายชัยวัชรให้โจทก์ตามกำหนด ที่โจทก์ว่าสั่งให้จำเลยส่งตัวนายชัยวัชรในวันที่29 มิถุนายน 2522 นั้นไม่จริง เพียงแต่โจทก์มีหนังสือให้จำเลยไปพบเท่านั้น จำเลยส่งตัวนายชัยวัชรให้โจทก์ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2522 ตามที่นัดหมายไว้ จำเลยไม่ผิดสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์จำเลยฎีกา โดยจำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า พันตำรวจโทเสรีเป็นพนักงานสอบสวนประจำกองปราบปราม จะมีอำนาจสอบสวนได้ต้องได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาระดับอธิบดี โจทก์มิได้นำสืบว่าได้รับมอบหมายให้ทำการสอบสวน จึงไม่ใช่พนักงานสอบสวนตามกฎหมาย อีกประการหนึ่งไม่มีกฎหมายให้อำนาจพนักงานสอบสวนฟ้องเป็นส่วนตัว กรมตำรวจเป็นผู้เสียหายพนักงานสอบสวนต้องได้รับมอบหมายจากกรมตำรวจจึงจะฟ้องได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าพนักงานสอบสวนประจำกองปราบปรามได้รับมอบหมายให้สอบสวนคดีใดหรือไม่ เป็นปัญหาาข้อเท็จจริง จำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนปัญหาที่ว่าการผิดสัญญาประกันกรมตำรวจเป็นผู้เสียหายไม่ใช่พนักงานสอบสวนนั้น เห็นว่าจำเลยทำสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาไปจากความควบคุมของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 112 เมื่อจำเลยผิดสัญญาพนักงานสอบสวนย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาได้กรมตำรวจไม่ใช่พนักงานสอบสวนและมิได้เป็นคู่สัญญากับจำเลยจะฟ้องเองหรือมอบอำนาจให้ฟ้องหาได้ไม่ และวินิจฉัยในเรื่องค่าปรับว่าที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ชอบแล้ว
พิพากษายืน