คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2002/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการได้มาอันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ของผู้ได้มาซึ่งไม้หรือของป่าที่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดตามมาตรา 70 ย่อมเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์ต้องบรรยายมาในฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจรับถ่านไม้ 6 กระสอบปริมาตร 0.75 ลูกบาศก์เมตร อันเป็นของป่าหวงห้ามโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้จำนวนดังกล่าว โจทก์มิได้บรรยายว่าผู้ที่ได้ถ่านไม้มาได้เก็บหาของป่าหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่า อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว เมื่อตามฟ้องไม่ปรากฏว่าผู้ได้ถ่านไม้มาได้ถ่านไม้นั้นมาโดยการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 29 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับและช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้ดังกล่าวก็ไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการ ฟ้องโจทก์บรรยายไม่ครบถ้วน แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจรับถ่านไม้จำนวน ๖ กระสอบปริมาตร ๐.๗๕ ลูกบาศก์เมตร อันเป็นของป่าหวงห้าม โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้จำนวนดังกล่าว ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๒๙, ๗๐, ๗๑ ทวิ, ๗๔ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๑๑ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕, ๙ พระราชกฤษฎีกากำหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๔ และริบถ่านไม้ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีถ่านไม้ไว้ในครอบครองไม่เกิน ๑ ลูกบาศก์เมตร ไม่ต้องขออนุญาต การกระทำของจำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ในฟ้องไม่ปรากฏว่าผู้ที่ได้ถ่านไม้มากระทำการใด ๆ อันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๒๙ ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยผู้รับถ่านไม้จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗๐ ด้วย พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการได้มาอันเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ของผู้ได้มาซึ่งไม้หรือของป่าที่เป็นวัตถุแห่งการกระทำผิดตามมาตรา ๗๐ ย่อมเป็นองค์ประกอบความผิดที่โจทก์ต้องบรรยายมาในฟ้องด้วย โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจรับถ่านไม้ ๖ กระสอบปริมาตร ๐.๗๕ ลูกบาศก์เมตร อันเป็นของป่าหวงห้าม โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของป่าที่มีผู้ได้มาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และไม่ได้เสียค่าภาคหลวง และจำเลยช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้จำนวนดังกล่าว ดังนี้โจทก์มิได้บรรยายว่าผู้ที่ได้ถ่านไม้มาได้เก็บหาของป่าหรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ของป่าหวงห้ามในป่าอันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๒๙ ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว ข้อความที่โจทก์บรรยายฟ้องอาจมีความหมายว่าผู้ได้ถ่านไม้มานั้นได้มาโดยประการอื่นที่มิใช่เก็บหาหรือทำอันตรายแก่ของป่าหวงห้ามซึ่งไม่เป็นความผิดก็ได้ หาได้แสดงแจ้งชัดอยู่ในตัวว่าผู้ได้ถ่านไม้มาได้มาโดยการเก็บหาของป่าไม่ เมื่อตามฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ได้ถ่านไม้มาได้ถ่านไม้นั้นมาโดยการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๒๙ ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับและช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งถ่านไม้ดังกล่าวก็ไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการตามบทกฎหมายที่กล่าวนี้ด้วย ฟ้องโจทก์บรรยายไม่ครบถ้วน แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ต้องยกฟ้อง
พิพากษายืน

Share