แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ไม่
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขน แม้จะได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยเชิด ป. เป็นตัวแทนของจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและการที่ ป. ซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเองศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ไม่เป็นการนอกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2514 ถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2515จำเลยสั่งซื้อหิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนหิน ดินลูกรัง เพื่อก่อสร้างทางหลวงสายอุทุมพรไปอำเภอคำเขื่อนแก้ว รวมเป็นเงิน 114,530 บาท รายละเอียดตามบัญชีท้ายฟ้อง จำเลยได้รับหินและดินลูกรังและครบกำหนดที่จะต้องชำระเงินให้โจทก์แล้ว โจทก์ทวงถามให้ชำระเงิน จำเลยไม่ชำระ จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยให้โจทก์อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ขอให้บังคับจำเลยชำระให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่รู้จักโจทก์ ไม่เคยซื้อของจากโจทก์ดังโจทก์ฟ้องและไม่มีเอกสารหรือหลักฐานการซื้อขาย สำเนารายการสั่งซื้อหินและดินลูกรังท้ายฟ้องไม่มีลายมือชื่อผู้มีอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลและไม่มีตราประทับ เอกสารจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่ได้ทวงถามจำเลยก่อนฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 119,540 บาทให้โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 114,530 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยประมูลสร้างทางสายอุทุมพร – อำเภอคำเขื่อนแก้วจากกรมทางหลวงแผ่นดินได้ จำเลยได้ทำสัญญาให้นายประกิต พวงชัยพฤกษ์กับนายมนัสรับช่วงงานไปทำ จำเลยปักป้ายไว้ที่หน่วยงานที่ทำมีข้อความว่าจำเลยเป็นผู้รับเหมาสร้างทางสายนั้นและระบุว่า นายประกิตเป็นผู้จัดการสนามนายมนัสเป็นช่างควบคุม นายประกิตทำสัญญาซื้อหินและดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนหินและดินลูกรังตามเอกสารหมาย ล.1 เมื่อผู้รับช่วงงานทำงานเสร็จบางงวด จำเลยเป็นผู้ตรวจงาน และเป็นผู้รับเงินประจำงวดจากกรมทางหลวงแผ่นดิน โจทก์ส่งหินและลูกรังมาให้ทำทางสายนั้นเป็นเงิน 114,530 บาท และยังไม่ได้รับชำระราคา
วินิจฉัยว่า โจทก์เชื่อโดยสุจริตว่านายประกิตเป็นตัวแทนของจำเลย โดยจำเลยเชิดนายประกิตว่าเป็นตัวแทนของจำเลย แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 บัญญัติว่า กิจการใดกฎหมายบังคับให้ทำเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนต้องทำเป็นหนังสือ กิจการใดกฎหมายบังคับให้มีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ซึ่งจำเลยฎีกาด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการเชิดบุคคลใดเป็นตัวแทน หาจำต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ จำเลยจึงต้องรับชำระหนี้ที่นายประกิตก่อกับโจทก์เพราะการเป็นตัวแทนเชิด
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายและสัญญาจ้าง ศาลจะพิพากษาให้จำเลยรับผิดในเรื่องตัวแทนเชิดเป็นการนอกเหนือไปจากคำฟ้องขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และเป็นฟ้องเคลือบคลุมศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยเชิดนายประกิตเป็นตัวแทนของจำเลยแล้ว นายประกิตซื้อหิน ดินลูกรัง และจ้างโจทก์ขนก็เสมือนจำเลยเป็นผู้กระทำเช่นนั้นเอง โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อหิน ดินลูกรังจากโจทก์และจ้างโจทก์ขนจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ไม่เป็นการนอกฟ้อง
พิพากษายืน