แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การพิจารณาคดีอาญาของศาลแขวงแตกต่างจากคดีอาญาอื่นพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ มาตรา 19 จึงบัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐานการฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 โดยเฉพาะอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้เป็นคดีการพนันที่อยู่ในอำนาจศาลแขวง ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจจัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นจักรกลไฟฟ้า (วีดีโอเกม) อันเป็นความผิดดังที่ระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยไม่มีพระราชบัญญัติกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงให้การรับสารภาพคำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามที่ศาลบันทึกไว้นั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจจัดให้มีการเล่นเครื่องจักรกลไฟฟ้า (วีดีโอเกม) อันเป็นความผิดดังระบุไว้ในบัญชี ข. หมายเลข 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478โดยไม่มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสภาพ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดเป็นคำฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้วพิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12(2) จำคุกจำเลย 2 เดือนของกลางริบ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุก มาก่อนโทษจำคุกให้เปลี่ยนเป็นโทษกักขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 คดีมิใช่กรณีมีผู้นำจับ ที่โจทก์ขอให้จ่ายสินบนนำจับตามาตรา 15 ให้ยก
จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีการพนันที่อยู่ในอำนาจของศาลแขวงมีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงกำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณา เพื่อความสะดวกรวดเร็วไว้เป็นพิเศษ นอกเหนือจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาโดยทั่ว ๆ ไปซึ่งแสดงให้เห็นว่าการพิจารณาคดีของศาลแขวงแตกต่างจากคดีอาญาอื่นพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 19 จึงบัญญัติให้โจทก์ฟ้องด้วยวาจาได้และให้ศาลบันทึกใจความแห่งคำฟ้องไว้เป็นหลักฐาน การฟ้องคดีอาญาในศาลแขวงจึงไม่ต้องปฏิบัติเคร่งครัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 โดยเฉพาะในอนุมาตรา 5 ว่าด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการกระทำเป็นหน้าที่ของศาลที่จะสอบถามรายละเอียดพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี คดีนี้ศาลชั้นต้นได้บันทึกไว้แล้วว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้บังอาจจัดให้มีการเล่นเครื่องเล่นจักรกลไฟฟ้า (วีดีโอเกม) อันเป็นความผิดดังที่ระบุไว้ในบัญชี ข.หมายเลข 28 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 โดยไม่มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้เล่นได้ ซึ่งจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงให้การรับสารภาพต่อศาลชั้นต้น คำฟ้องที่โจทก์ฟ้องด้วยวาจาตามที่ศาลชั้นต้นต้นบันทึกไว้นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ดี ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาจึงมีเหตุปรานีลดโทษให้ และเมื่อคำนึงถึงของกลางในคดีซึ่งมีเครื่องวีดีโอเกมเพียง 2 เครื่องเท่านั้น ไม่มีเงินที่ใช้เล่นพนันเอาทรัพย์สินแต่อย่างใด ทั้งจำเลยเป็นหญิงมีอายุ46 ปี แล้ว ไม่ปรากฏว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงเห็นสมควรรอการลงโทษให้จำเลยโดยให้วางโทษปรับจำเลยไว้ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 2,000 บาท อีกสถานหนึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 บังคับค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์