คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6459/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับสภาพหนี้ในกรณีที่ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14(1) ต้องมี
ข้อความแสดงเจตนาของลูกหนี้ยอมรับว่าเป็นหนี้ โดยที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องและลูกหนี้ยอมรับในสิทธิเรียกร้องของ
เจ้าหนี้นั้นแล้วจะชำระหนี้ให้ แต่เอกสารของโจทก์ไม่มีข้อความระบุว่าใครเป็นหนี้อะไร แก่ผู้ใด และตกลงจะชำระหนี้ให้แก่ผู้นั้นหรือไม่ อย่างไร มีเพียงข้อความระบุจำนวนเดือน วันเดือนปี ดอกเบี้ย ต้นทุนหรือต้นเงิน และคำว่ารวม กับ
ลายมือชื่อจำเลย ซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นสิทธิเรียกร้องของโจทก์หรือไม่ ในมูลหนี้ใด และจำเลยยอมรับว่าจะชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นแก่โจทก์ จึงไม่เป็นหนังสือแสดงเจตนาของจำเลยในการรับสภาพต่อโจทก์ตามสิทธิเรียกร้อง เอกสารของโจทก์ไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๓๗๗,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๒๙๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยนำเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาย่อยวังสมบูรณ์ จำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งนายประศักดิ์ ศรีอุธวงศ์ เป็นผู้สั่งจ่ายไปแลกเงินสดจากโจทก์ และจำเลยไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้ โจทก์นำเอกสารซึ่งมีลายมือชื่อของจำเลยที่ลองลงลายมือชื่อไว้มากรอกข้อความโดยจำเลยไม่รู้เห็นยินยอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า เอกสารหมาย จ.๕ เป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เอกสารหมาย จ.๕ มีข้อความว่า ๑๑ เดือน – ๓๘ เบิกเงินรวม ๑ มีนาคม – ๓๙ ดอก ๙๕,๗๐๐ ต้นทุน ๒๙๐,๐๐๐ รวม ๓๘๕,๗๐๐ แล้วมีลายมือชื่อจำเลยลงไว้ ๒ แห่ง คือถัดจากตัวเลข ๓๘๕,๗๐๐ และในตอนท้าย ไม่มี ข้อความระบุว่าใครเป็นหนี้อะไรแก่ผู้ใด และตกลงจะชำระหนี้ให้แก่ผู้นั้นหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) บัญญัติว่า ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือ รับสภาพหนี้ให้ ฯลฯ การรับสภาพหนี้ในกรณีที่ทำเป็นหนังสือจึงต้องมีข้อความแสดงเจตนาของลูกหนี้ยอมรับว่า เป็นหนี้ โดยที่เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องและลูกหนี้ยอมรับในสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้นั้นแล้วจะชำระหนี้ให้ แต่ ตามเอกสารหมาย จ.๕ ไม่ปรากฏว่าเป็นสิทธิเรียกร้องของโจทก์หรือไม่ในมูลหนี้ใด และจำเลยยอมรับว่าจะชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องนั้นแก่โจทก์ การที่เอกสารดังกล่าวมีข้อความระบุจำนวนเดือน วันเดือนปี ดอกเบี้ย ต้นทุนหรือ ต้นเงิน และคำว่ารวม เพียงเท่านี้ยังไม่พอฟังว่าเป็นหนังสือแสดงเจตนาของจำเลยในการรับสภาพต่อโจทก์ ตามสิทธิเรียกร้องที่โจทก์อ้างมาในฟ้อง ดังนั้น เอกสารหมาย จ.๕ จึงมิใช่หนังสือรับสภาพหนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
(ธีระวัฒน์ ภัทรานวัช – ชูชาติ ศรีแสง – สบโชค สุขารมณ์)

Share