แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยออกเช็คก่อนมี พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 สั่งจ่ายเงินให้แก่โจทก์ใน วันที่ 31 ธันวาคม 2497 แต่เมื่อมี พ.ร.บ. นี้แล้วก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ออกเช็คผิดเงื่อนไขตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ถอนเงินทั้งหมดหรือบางส่วนออกจากบัญชี หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คนั้น โดยเจตนาทุจริตภายหลัง เช่นนี้ จำเลยก็ยังไม่มีผิดตาม พ.ร.บ.นี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๒๕  ถึง  ๓๑  ตุลาคม  ๒๔๙๗  เวลากลางวัน  จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกสิกรไทยจำกัด เลขที่ ก.๕๘๗๒๔๗  จ่ายเงิน  ๓๒,๐๐๐  บาท  ให้แก่โจทก์หรือผู้ถือในวันที่  ๓๑  ธันวาคม  ๒๔๙๗  โดยจำเลยยืนยันต่อโจทก์ว่าจำเลยมีเงินฝากไว้ในธนาคารดังกล่าว  ครั้งมกราคม ๒๔๙๘  โจทก์มอบเช็คนั้นให้ผู้มีชื่อไปเข้าบัญชีธนาคาร เมอร์เกลไตล์ แห่งอินเดีย  แต่เช็คถูกส่งคืน  โดยอ้างว่าลายเซ็นต์ผู้สั่งจ่ายไม่เรียบร้อย  การที่จำเลยเซ็นต์ผิดตัวอย่าง เป็นวิธีการที่จำเลยทำขึ้นป้องกันมิให้ธนาคารจ่ายเงิน ซึ่งจำเลยรู้แล้วว่าไม่มีเงินในธนาคาร  ทำให้โจทก์หลงเชื่อจ่ายเงิน ให้จำเลยไป จึงฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลย ตาม  ก.ม.อาญา  มาตรา ๓๐๔, ๔๓  พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗  มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ    ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์    ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกา       ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมา จำเลยจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗  หรือไม่นั้น เห็นว่านับแต่วัน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ออกเช็คผิดเงื่อนไข มาตรา ๓  อย่างใด  ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ถอนเงินทั้งหมดหรือบางส่วน ออกจากบัญชี  หรือห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คโดยเจตนาทุจริต  จึงไม่มีผิดตามฟ้องโจทก์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง.

