แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินราชการที่เบิกมาเพื่อจ่ายแก่ผู้ใด แต่ยังไม่จ่ายนั้น ไม่ถือว่าเป็นเงินของผู้ที่จะได้รับเงิน ดั่งนั้น เจ้าพนักงานผู้ใดยักยอกเงินนั้น จึงมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกเงินของทางราชการ ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว
การฟังว่าจำเลยปลอมเอกสารโดยไม่มีพยานมาแสดงให้ชัดว่าจำเลยปลอม เพียงแต่ศาลนำเอกสารที่กล่าวหามาเทียบเคียงกับเอกสารฉบับอื่นแล้วลงความเห็นว่าเหมือนกับลายมือของจำเลยนั้น ไม่ชอบด้วยการวินิจฉัยหลักฐานคำพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการเป็นกสิกรรมอำเภอ ได้รับแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นเจ้าหน้าที่มารับเงินค่าเบี้ยเลี้ยง ฯลฯ สำหรับจ่ายแก่พนักงานสำรวจสำมะโนเกษตรจากคณะกรรมการจังหวัดมาส่งต่อนายอำเภอ จำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้นเป็นอาณาประโยชน์ของตนเสีย และจำเลยสมคบกับบุคคลอื่นปลอมหลักฐานการจ่ายเงินให้แก่พนักงานสำรวจฯ เพื่อใช้เป็นหนังสือราชการอันแท้จริง แล้วจำเลยใช้หนังสือปลอมนั้น
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยกระทำผิด พิพากษาลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกและฐานปลอมหนังสือ ฯลฯ ให้จำคุก 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ข้อหาฐานปลอมหนังสือและใช้หนังสือปลอมนั้น พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยจึงให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกฐานเดียว ให้จำคุก 3 ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือด้วย จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า
(1) เงินจำนวนที่จำเลยยักยอกไว้ยังไม่ได้จ่ายแก่พนักงานสำรวจฯนั้น เป็นเงินของทางราชการเพื่อจ่ายแก่พนักงานสำรวจฯ ไม่ใช่พนักงานสำรวจฯ เป็นผู้เบิกเอาเมื่อยังไม่ได้จ่าย ก็จะถือว่าเป็นเงินของพนักงานสำรวจฯ แล้วอันเป็นความผิดต่อส่วนตัว กระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่ผู้เสียนั้น หาได้ไม่ จำเลยต้องมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกเงินของทางราชการ
(2) ส่วนข้อหาฐานปลอมหนังสือนั้น โจทก์ไม่มีพยานแสดงให้ได้ความชัดว่าจำเลยได้ทำปลอมเอกสารขึ้น ที่ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยปลอมเอกสารก็โดยนำมาเทียบเคียงกับเอกสารฉบับอื่นซึ่งเป็นเอกสารแท้จริง แล้วลงความเห็นว่าเหมือนกับลายมือของจำเลยที่บันทึกไว้ในเอกสารอีกฉบับหนึ่ง หาชอบด้วยการวินิจฉัยหลักฐานคำพยานไม่
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ แต่บทลงโทษให้วางมาตรา 147 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย