คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1995/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยปล้นทรัพย์ และบรรยายว่าในการปล้นทรัพย์นี้ จำเลยได้สมคบกันใช้มีดขู่จะทำร้ายและใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์ 1 นัด เจ้าทรัพย์ทนพิษบาดแผลที่จำเลยยิงไม่ได้ได้ขาดใจตายในทันทีนั้นดังนี้เป็นลักษณะของการปล้นและทำให้เจ้าทรัพย์ตายเท่านั้น เมื่อไม่กล่าวให้ชัดว่าจำเลยได้มีเจตนาจะฆ่าเจ้าทรัพย์ให้ตายอันเป็นลักษณะของความผิดฐานฆ่าคนตายด้วยแล้ว ศาลก็จะลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 250 ด้วย ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์นายแสง และใช้ปืนยิงนายแสง ๑ นัด นายแสงถึงแก่ความตาย ทั้งนี้เพื่อสดวกในการที่จะปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๓๐๑,๒๕๐,๖๓
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๓๐๑,๒๕๐ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง ๓ คน แต่นายบุญมารับสารภาพชั้นสอบสวนให้ลดโทษลง ๑ ใน ๓ คงจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยทั้ง ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า นายบุญมานายโฮม จำเลย ผิดเพียงมาตรา ๓๐๑ ตอน ๓ หาใช่มาตรา ๒๕๐ ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดโทษนายบุญมา ๑ ใน ๓ คงจำคุกนายบุญมา ๑๖ ปี นอกนั้นพิพากษายืน
โจทก์และนายจันทรนายโฮมฎีกา ส่วนนายบุญมาถึงแก่ความตายเสียก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่าง แต่เห็นว่าฟ้องของโจทก์กล่าวไว้แต่เพียงว่า “ในการปล้นทรัพย์นี้จำเลยได้สมคบกันใช้มีดขู่จะแทงทำร้ายนายแสง และใช้ปืนยิงนายแสง ๑ นัด และนายแสงทนพิษบาดแผลที่จำเลยยิงไม่ได้ ได้ขาดใจตายในทันทีนั้น” อันเป็นลักษณะของการปล้นและให้เจ้าทรัพย์ตายเท่านั้น หาได้กล่าวให้ชัดว่าจำเลยได้มีเจตนาจะฆ่านายแสงให้ตายอันเป็นลักษณะของความผิดฐานฆ่าคนตายด้วยไม่ ฉะนั้น ศาลจึงลงโทษจำเลยได้แต่ตามมาตรา ๓๐๑ ตอนท้ายอันเป็นบทบัญญัติสำหรับความผิดฐานปล้นทรัพย์และทำให้เจ้าทรัพย์ตาย จะลงโทษตามมาตรา ๒๕๐ ด้วยไม่ได้ จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยทั้ง ๒ ผิดตามมาตรา ๓๐๑ ตอนท้าย ให้จำคุกตลอดชีวิต

Share