แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าปล้นทรัพย์อ้างมาตรา 301 ได้ความว่าทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ศาลลงโทษจำเลยที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าทำร้ายร่างกายด้วยตาม มาตรา 254 ได้ ส่วนจำเลยที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าทำร้ายร่างกายด้วยจะลงโทษตาม มาตรา 254 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามสมคบกันปล้นทรัพย์ จำเลยกับพวกได้ใช้กำลังกายจับเจ้าทรัพย์และขู่เข็ญจะทำร้าย นายเล็ก จำเลยที่ 2 และนายเหรียญจำเลยที่ 3 ได้ใช้ไม้คนละอันทำร้ายร่างกายนายสมนึกเจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตาม มาตรา 301 ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามตามฟ้องแต่ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าเป็นเรื่องทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ปล้น โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษฐานทำร้ายร่างกายพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเชื่อว่าเป็นเรื่องทำร้ายร่างกาย แต่เห็นว่าลงโทษจำเลยได้โดยวินิจฉัยว่า
“เรื่องนี้โจทก์ได้บรรยายฟ้องชัดว่า นายเล็ก จำเลยที่ 2 นายเหรียญ จำเลยที่ 3 ได้ใช้ไม้คนละอันทำร้ายร่างกายนายสมนึกมีบาดแผลโลหิตไหล จะว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์จะให้ลงโทษนายเหรียญ นายเล็ก จำเลย ฐานทำร้ายร่างกาย พิจารณาดูจะไม่ตรงแก่เรื่อง เรื่องทำนองเดียวกันนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาตามฎีกาที่ 494/2490 ระหว่างอัยการนครปฐม โจทก์ นายสมัยหรือชี มูลทองชุน จำเลยกับพวกไว้แล้วว่าลงโทษฐานทำร้ายร่างกายได้ จึงพิพากษาแก้เฉพาะนายเล็กจำเลยที่ 2 และนายเหรียญ จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองนี้คนละ 3 เดือน ต้องขังมาพอแก่โทษก็ให้ปล่อยตัวไปหมวกสักกะหลาดของกลางมิใช่เป็นสิ่งที่ใช้ในการกระทำผิดไม่ชอบที่จะริบ ให้คืนแก่เจ้าของไป ส่วนนายโต๊ะ จำเลยที่ 1 ตามฟ้องโจทก์มิได้บรรยายว่าได้เป็นผู้เกี่ยวข้องในการกระทำร้ายด้วย คงให้ยกฟ้องปล่อยตัวไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นอกจากที่แก้คงพิพากษายืน