คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สารสำคัญตามสัญญาพิพาทตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในการมีสิทธิเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าและแม่ค้าในระยะเวลาอันจำกัดตามอัตราที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ โดยจำเลยที่ 1ต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน การมีสิทธิเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าและแม่ค้าเท่ากับจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา537 ประกอบ มาตรา 99 เดิม ประกอบกับตามหนังสือสัญญาค้ำประกันก็ระบุว่าค้ำประกันตามสัญญาเช่าสิทธิเพื่อเก็บค่ารักษาความสะอาดถือได้ว่าสัญญาพิพาทมีลักษณะเป็นสัญญาเช่าทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 537

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาเช่าสิทธิเพื่อเก็บค่ารักษาความสะอาดในที่ดินของการรถไฟ ฯ ที่สถานีธนบุรี เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร กับโจทก์มีเงื่อนไขว่าห้ามเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าแม่ค้าเกินตารางเมตรละ 2 บาทต่อวัน และเก็บค่าเช่าร่มกันแดดไม่เกินคันละ 3 บาทต่อวัน ห้ามดัดแปลงต่อเติมพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์ จำเลยที่ 4 เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าสิทธิดังกล่าว ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติผิดสัญญาหลายประการ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์มีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 ตามสัญญาเป็นเงิน 91,630 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ เพราะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ได้ประพฤติผิดสัญญา กับฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ6 เดือนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 91,630 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สาระสำคัญตามสัญญาพิพาท เป็นกรณีที่ว่าโจทก์เป็นผู้ให้เช่าสิทธิ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าสิทธิ โดยตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในการมีสิทธิเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าและแม่ค้าในระยะเวลาอันจำกัด คือตั้งแต่วันที่20 กุมภาพันธ์ 2528 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2529 ตามอัตราที่กำหนดไว้ในสัญญาได้ โดยจำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนเดือนละ 416,500 บาท และการที่จำเลยที่ 1 มีสิทธิในการเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าแม่ค้านั้นเท่ากับจำเลยที่ 1มีสิทธิได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 537 ประกอบมาตรา 99 เดิม อายุการเช่ามีกำหนด 1 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาอันมีจำกัด จำเลยที่ 1 ต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ 416,500 บาท ตอบแทน ประกอบกับตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.47 ก็ระบุว่าค้ำประกันตามสัญญาเช่าสิทธิเพื่อเก็บค่ารักษาความสะอาดอีกด้วย จึงถือได้ว่าสัญญาพิพาทเอกสารหมาย จ.46มีลักษณะเป็นสัญญาเช่าทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 537 ทุกประการ ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องจัดตลาดและอยู่ในความดูแลของโจทก์ทุกขั้นตอน จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิเก็บค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้าและข้ออื่น ๆ อีกนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 1 มิได้อยู่ในบังคับของโจทก์ทุกขั้นตอน เป็นแต่เพียงมีข้อตกลงบางประการที่จำเลยที่ 1 ต้องปฏิบัติตาม และจำเลยที่ 1เช่าเพื่อใช้สิทธิเก็บค่ารักษาความสะอาดจากพ่อค้าแม่ค้า มิใช่เก็บค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้า ข้อตกลงต่าง ๆ ที่มีขึ้นก็เป็นเสรีภาพของโจทก์กับจำเลยที่ 1 จะกระทำกันได้โดยชอบเกี่ยวกับการเช่าซึ่งไม่ทำให้สัญญาที่มีลักษณะเป็นสัญญาเช่าทรัพย์สินกลายเป็นสัญญาประเภทอื่นแต่อย่างใด โจทก์ฟ้องคดีเรียกค่าปรับตามสัญญาพิพาทจึงต้องใช้อายุความหกเดือนตามมาตรา 563 บังคับใช้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share