คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเดิมระบุมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเพียงมาตรา 314 ครั้นศาลตรวจฟ้องมีคำสั่งให้ยกฟ้องเสียโจทก์อุทธรณ์และได้มีการบังอาจเติมมาตรา 304 ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยู่ในความดูแลรักษาของศาลศาลเรียกทนายโจทก์และผู้เขียนฟ้องเดิมมาสอบถาม คนทั้ง 2 ยังยืนยันแถลงเท็จต่อศาลว่ามีมาตรา 304 ในฟ้องเดิมก่อนแล้วโดยไม่มีความเคารพยำเกรง ศาลทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาลดังนี้ ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงต่อหน้าศาลก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้

ย่อยาว

คดีนี้ ในศาลชั้นต้นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญาระบุโทษเพียงมาตรา 314 มาตราเดียว ศาลชั้นต้นตรวจสั่งฟ้องว่า จำเลยไม่ได้รับมอบทรัพย์รายนี้ คดีไม่เป็นยักยอกตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องจึงให้ยกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์และได้ตรวจพบว่าในคำขอท้ายฟ้องเดิม เห็นมีขอให้ลงโทษระบุมาตรา 304 เพิ่มต่อจากมาตรา 314 ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ว่าเพิ่งมีการเติมขึ้นภายหลังที่ศาลสั่งไม่รับฟ้องนั้นแล้วจึงได้เรียกทนายโจทก์และผู้เขียนมาสอบถาม คนทั้งสองยืนยันว่า มีมาตรา 304 ในฟ้องแต่เดิมแล้วศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่คนทั้งสองยืนยันเช่นนั้นเป็นการแจ้งความเท็จแถลงเท็จต่อศาล เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31, 33 ให้จำคุกนายสาครทนายและนายแถลงผู้เขียน คนละหนึ่งเดือน ส่วนมาตรา 304 ที่ปรากฏในคำขอท้ายฟ้องนั้น ต้องถือว่าไม่มีมาแต่เดิม นายสาครและนายแถลงอุทธรณ์เรื่องละเมิดอำนาจศาล ส่วนคดีเดิมโจทก์ถอนอุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติ

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นปล่อยผู้อุทธรณ์ไป

พนักงานอัยการอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติอัยการ 2478 มาตรา 19(6) ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ได้มีการบังอาจเติมมาตรา 304 ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยู่ในความดูแลรักษาของศาลในเวลาอันใกล้กับเวลาที่ศาลสั่งไม่รับฟ้อง และศาลตรวจพบในเวลากระชั้นชิด ทั้ง 2 คนนี้แถลงเท็จยืนยันอีกโดยไม่มีความเคารพยำเกรงศาล ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาล ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงต่อหน้าศาล ก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้

จึงพิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share