คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ร.เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยภรรยาของร.ไม่ใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่จะมีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้ และภรรยาของ ร. ไม่ได้รับมอบหมายจากร. ผู้มีอำนาจกระทำแทนจำเลยให้มีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลย ภรรยาของ ร.จึงไม่มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยได้ การที่ภรรยาของ ร.ให้ส. บอกโจทก์ไม่ให้มาทำงานกับจำเลยอีกต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าชดเชย และค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยระหว่างโจทก์ทำงานกับจำเลยพี่สาวโจทก์เคยเป็นคนรักของนายราเวชกรรมการผู้จัดการของจำเลย ต่อมาได้เลิกกัน นายสำรวย หลงจู้ของจำเลยได้นำเงินที่ภรรยาของนายราเวชมอบให้ไปจ่ายเงินเดือนและโบนัสแก่โจทก์และพนักงานคนอื่น ๆ นายสำรวยได้แจ้งแก่โจทก์ว่าภรรยาของนายราเวชไม่ให้โจทก์มาทำงานกับจำเลยอีกต่อไป จึงรับฟังได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ว่า การแสดงเจตนาเลิกจ้างพนักงานของจำเลยต้องแสดงจากกรรมการผู้จัดการของจำเลยโดยตรงเท่านั้น ภรรยาของนายราเวชไม่ใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลย จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยบอกเลิกจ้างโจทก์ เห็นว่าตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางได้ฟังไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้น ภรรยาของนายราเวชไม่ใช่กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่จะมีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยได้ และไม่ปรากฏว่าภรรยาของนายราเวชได้รับมอบหมายจากนายราเวชผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยให้มีอำนาจเลิกจ้างพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้ ภรรยาของนายราเวชจึงไม่มีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ การที่ภรรยาของนายราเวชให้นายสำรวยบอกโจทก์ไม่ให้มาทำงานกับจำเลยอีกต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจากจำเลย”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share