คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นเครื่องรับวิทยุและเสาอากาศเครื่องรับวิทยุสำหรับใช้ติดกับรถยนต์ซึ่งเป็นของต่างประเทศที่ยังไม่เสียภาษีศุลกากรจำเลยรับจ้างขนของดังกล่าวโดยรู้ว่าเป็นของต่างประเทศที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากรเท่านั้นของกลางที่ศาลสั่งริบจึงเป็นทรัพย์ที่ยังไม่ควรทำลายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 35

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ พระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2499 มาตรา 4 พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิดพ.ศ. 2489 มาตรา 7, 8, 9 จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 เดือน ริบของกลางซึ่งเป็นสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษีศุลกากรและให้ทำลายเสียทั้งสิ้น คืนรถยนต์บรรทุกและลังน้ำอัดลมบรรจุขวดเปล่าของกลางแก่เจ้าของ จ่ายสินบนนำจับและรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ทำลายของกลางที่ริบ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม2522 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา จำเลยรับจ้างขนของต่างประเทศที่ยังมิได้เสียภาษีศุลกากร คือ เครื่องรับวิทยุ 297 เครื่อง และเสาวิทยุสำหรับติดรถยนต์20 ชุด รวมราคา 399,938.24 บาท ค่าอากร 237,649.35 บาท รวมราคาของและค่าอากรเป็นเงิน 637,587.59 บาท โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของต่างประเทศที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร

ที่จำเลยฎีกาว่า การสั่งทำลายของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นอำนาจศาลโดยเฉพาะ โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์โจทก์ไว้พิจารณาเป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาว่าสมควรทำลายของกลางที่ศาลสั่งริบหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ บัญญัติห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้จำคุก ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯลฯ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช 2469 มาตรา 27 ซึ่งกำหนดโทษให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินสิบปี หรือทั้งปรับทั้งจำ และขอให้ลงโทษตามมาตรา 27 ทวิซึ่งกำหนดโทษให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาของ ซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งปรับทั้งจำ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว

ปัญหาต่อไปว่า ควรทำลายของกลางที่ศาลล่างสั่งริบหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นเครื่องรับวิทยุและเสาอากาศเครื่องรับวิทยุสำหรับใช้ติดกับรถยนต์ซึ่งเป็นของต่างประเทศที่ยังไม่เสียภาษีศุลกากร จำเลยรับจ้างขนของกลางดังกล่าวโดยรู้ว่าเป็นของต่างประเทศที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากรเท่านั้น ตามพฤติการณ์ดังกล่าว ของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นทรัพย์ที่ยังไม่ควรทำลายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 35”

พิพากษายืน

Share