คำวินิจฉัยที่ 135/2563

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้ ธนาคาร ก. ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ที่ ๑ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ที่ ๒ กรมที่ดิน ที่ ๓ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ ๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ ๕ กระทรวงมหาดไทย ที่ ๖ บริษัท ณ. ที่ ๗ ผู้ถูกฟ้องคดี ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ธนาคาร ก. ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าหนี้ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๗ ตามคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอยู่ระหว่างการบังคับคดี แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ มีคำสั่งจังหวัดชลบุรีให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนจำนองห้องชุดจำนวน ๖๙๓ ห้องชุด ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๗ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษานำมาจดทะเบียนจำนองไว้กับผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่ง แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ มีคำสั่งยกอุทธรณ์ ขอให้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี ดังนี้ เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และที่ ๕ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ มีอำนาจหน้าที่ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ ในการเพิกถอนและแก้ไขหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด การเพิกถอนและแก้ไขการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุด การเพิกถอนและแก้ไขการจดแจ้งรายการในสารบัญสำหรับจดทะเบียนที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ มีคำสั่งจังหวัดชลบุรีให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนจำนองห้องชุด โดยเห็นว่า การจดทะเบียนจำนองห้องชุดจำนวน ๖๙๓ ห้องชุด ระหว่างผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๗ กับผู้ฟ้องคดี กระทำไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคลในอันที่จะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ เป็นการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน การที่ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งว่าการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมีคำขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ตามคำสั่งจังหวัด และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๕ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกระทำละเมิดอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง และกรณีมิใช่คดีพิพาทอันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบังคับคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค ๔ ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคดีพิพาทเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการบังคับคดี ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๕ วรรคสอง บัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม

Share