แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจ้องปืนเล็งจะยิงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า มิได้บรรยายว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือตกใจในการขู่เข็ญอีกทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 292 ไว้ด้วย จึงถือว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าวไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอกซึ่งมีลูกกระสุนปืนบรรจุอยู่ในรังเพลิงและนิ้วสอดใส่อยู่ในโกร่งไกปืนจ้องเล็งจะยิงประทุษร้ายร่างกายนางปราณี เฟื่องมาผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอดเนื่องจากมีผู้อื่นเข้ามาแย่งอาวุธปืนไปจากจำเลยได้ทันท่วงที ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่เป็นความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ลงโทษจำคุก 1 เดือนไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกมาเป็นโทษกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้บรรยายในคำฟ้องว่าจำเลยจ้องปืนเล็งจะยิงนางปราณี เฟื่องมา ผู้เสียหาย โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและโจทก์ได้นำสืบรับฟังได้ว่าจำเลยได้จ้องปืนเล็งจะยิงผู้เสียหายโดยขู่ว่าจะฆ่าให้ตาย ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้ เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงผู้เสียหายจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวหรือตกใจในการขู่เข็ญอันเป็นความผิดฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจเลย อีกทั้งคำขอท้ายฟ้องก็ไม่ได้ระบุว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 ไว้ด้วย จึงถือว่าโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในฐานความผิดดังกล่าว ศาลจะฟังว่าจำเลยกระทำความผิดและลงโทษจำเลยในฐานความผิดดังกล่าวไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน