แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยต้อคำพิพากษาให้จำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ แล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนดเวลา ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลยพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอีกได้
คำว่า “ได้รับโทษจำคุกมาก่อน” ใน ม.41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่
ย่อยาว
ได้ความว่าเดิมจำเลยต้องคำพิพากษาให้จำคุก ๓ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท แต่โทษจำคุกศาลให้รอการลงอาญาไว้ ๒ ปี นับแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ ครั้นต่อมาวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๖ จำเลยได้กระทำผิด พ.ร.บ.ฝิ่น คือคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๓ เดือนครึ่ง ปรับ ๓๗๕ บาท แต่ให้รอการลงโทษจำเลยตามมาตรา ๔๑ มีกำหนด ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลจะรอการลงโทษแก่จำเลยครั้งที่ ๒ ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา ๔๑ ที่แก้ไขใหม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจเมื่อเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ และคำว่า “ได้รับโทษจำคุกมาก่อน” ในมาตรา ๔๑ หมายความว่าจำเลยต้องได้รับโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่ ที่ศาลสั่งให้รอการลงโทษจำเลยในคดีนี้ จึงไม่มีผิดกฎหมาย
พิพากษายืน