แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินช่วยเหลือบุตร เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้เฉพาะลูกจ้างที่มีบุตร มีลักษณะเป็นการให้สวัสดิการแก่ลูกจ้างหาใช่เป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้จึงไม่เป็นค่าจ้าง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นพนักงานของโจทก์ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงประโยชน์โดยไม่ชอบ โดยได้รับเหมาก่อสร้างขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในโรงพยาบาลบ้านนาและนำยานพาหนะ อุปกรณ์ไฟฟ้าและแรงงานของโจทก์ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นการทุจริตผิดวินัยร้ายแรง โจทก์ไล่จำเลยออกจากงานแล้วขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าอุปกรณ์ ค่าแรงงานเป็นเงิน 8,279 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่เป็นความจริงคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลแรงงานกลาง จำเลยถูกไล่ออกจากงานโดยไม่เป็นธรรม โจทก์ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่าจำเลยไม่มีสิทธิได้รับเงินตามฟ้องแย้งและจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก่อนฟ้องแย้ง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการที่โจทก์เลิกจ้างจำเลยมิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยได้ช่วยเหลือนายทวีปผู้รับเหมาขยายเขตระบบไฟฟ้าในโรงพยาบาลบ้านนา ทำให้โจทก์เสียหาย 5,000 บาทเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับแต่ไม่ร้ายแรงจำเลยมีสิทธิได้รับค่าชดเชย พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์จ่ายค่าชดเชยให้จำเลยตามฟ้องแย้งแต่ค่าช่วยเหลือบุตรเดือนละ 50 บาทมิใช่ค่าจ้างไม่นำมารวมกับเงินเดือนเพื่อคำนวณค่าชดเชย คงให้จ่ายเป็นเงิน 45,660 บาทพร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นของโจทก์จำเลยให้ยก
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าจ้างว่าเงินค่าช่วยเหลือบุตรเป็นเงินที่นายจ้างจ่ายให้เฉพาะลูกจ้างที่มีบุตรอันมีลักษณะที่เป็นการให้สวัสดิการแก่ลูกจ้างอย่างหนึ่งเท่านั้น หาใช่เงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างเพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานหรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้อันมีลักษณะเป็นค่าจ้างไม่
พิพากษายืน.