คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อบ้านและต้นกาแฟพิพาทมาจากการขายทอดตลาดของศาล ส่วนที่ดินที่ปลูกบ้านและต้นกาแฟดังกล่าวทางราชการ ออกเอกสาร สปก.4-01 เป็นชื่อของ จ. สามีนอกสมรสของจำเลยหลังจากโจทก์ซื้อบ้านและต้นกาแฟจากการขายทอดตลาดแล้ว โจทก์นำคนงานไปเก็บผลกาแฟ จำเลยและ จ. ใช้มีดพร้าไล่ฟันคนงานของโจทก์หลายครั้งแต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยและบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับต้นกาแฟของโจทก์อย่างไร เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์มีเพียงเท่านี้ จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยตัดต้นกาแฟและลักลอบเก็บผลกาแฟของโจทก์ แม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การโจทก์ก็ต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้รับฟังได้ตามฟ้อง เพราะศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้คู่ความที่มาศาลเป็นฝ่ายชนะ ต่อเมื่อเห็นว่าข้ออ้างของคู่ความเช่นว่านี้มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายสัมภาระออกไปจากบ้าน และห้ามจำเลยและบริวารทำละเมิดเกี่ยวกับต้นกาแฟของโจทก์ให้จำเลยส่งมอบบ้านดังกล่าวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยและบริวารย้ายชื่อออกจากสำมะโนครัวบ้าน (ที่ถูกคือทะเบียนบ้าน) ดังกล่าว
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ในส่วนที่ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์เฉพาะที่ห้ามจำเลยและบริวารทำละเมิดต่อต้นกาแฟของโจทก์ไว้พิจารณา แล้วให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ซื้อบ้านและต้นกาแฟพิพาทมาจากการขายทอดตลาดของศาล ส่วนที่ดินที่ปลูกบ้านและต้นกาแฟดังกล่าวทางราชการออกเอกสาร สปก.4-01เป็นชื่อของนายจิ้น ถึงเสียบญวน สามีนอกสมรสของจำเลยคงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า จำเลยกระทำละเมิดโดยตัดต้นกาแฟและลักลอบเก็บผลกาแฟของโจทก์หรือไม่ ในปัญหานี้โจทก์มีพยานเพียงปากเดียวคือตัวโจทก์มาเบิกความว่า หลังจากโจทก์ซื้อบ้านและต้นกาแฟจากการขายทอดตลาดแล้ว โจทก์นำคนงานไปเก็บผลกาแฟจำเลยและนายจิ้นสามีจำเลยใช้มีดพร้าไล่ฟันคนงานของโจทก์หลายครั้ง แต่จากการนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยและบริวารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับต้นกาแฟของโจทก์อย่างไรเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์มีเพียงเท่านี้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยตัดต้นกาแฟและลักลอบเก็บผลกาแฟของโจทก์ตามที่ฟ้องแม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การโจทก์ก็ต้องนำสืบข้อเท็จจริงให้รับฟังได้ตามฟ้อง เพราะศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้คู่ความที่มาศาลเป็นฝ่ายชนะ ต่อเมื่อศาลเห็นว่าข้ออ้างของคู่ความเช่นว่านี้มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคหนึ่ง ส่วนฎีกาข้ออื่นของโจทก์นั้นไม่เป็นสาระอันควรแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share