คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19816/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันลักปุ๋ยของสหกรณ์การเกษตร ด. ผู้เสียหายที่เป็นของนายจ้างไป แต่กลับได้ความตามทางพิจารณาเกี่ยวกับทางปฏิบัติในการซื้อปุ๋ยของสหกรณ์การเกษตร ด. ผู้ขายว่า ต้องมีการขนส่งปุ๋ยมาตรวจนับ ณ ที่ทำการของสหกรณ์การเกษตร ด. ก่อนการชำระค่าปุ๋ยตามจำนวนที่ตรวจนับได้ ดังนี้ถือว่าสหกรณ์การเกษตร ด. และผู้ขายซึ่งเป็นคู่สัญญามีเจตนาเอาการตรวจนับปุ๋ย ณ ที่ทำการของสหกรณ์การเกษตร ด. เป็นสาระสำคัญในการโอนกรรมสิทธิ์ปุ๋ยกัน เมื่อปุ๋ยตามฟ้องสูญหายไประหว่างขนส่งก่อนการตรวจนับ กรรมสิทธิ์ในปุ๋ยจึงยังไม่ตกเป็นของสหกรณ์การเกษตร ด.
แม้คดีนี้เป็นคดีอาญาความผิดต่อแผ่นดินซึ่งพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนโดยไม่มีผู้ร้องทุกข์ก็ตาม แต่เมื่อสหกรณ์การเกษตร ด. ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในปุ๋ยจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย และไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 335 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 236,800 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา สหกรณ์การเกษตรเดชอุดม จำกัด ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 355 (11) (ที่ถูก 335 (11) วรรคแรก) จำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน ให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 236,800 บาท แก่โจทก์ร่วม ยกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วมสำหรับจำเลยที่ 2 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548 จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการใหญ่ของโจทก์ร่วมสั่งซื้อปุ๋ยอินทรีย์ตราสามหัววัว สูตร 4 จำนวน 32,000 กระสอบ ราคา 11,520,000 บาท และปุ๋ยอินทรีย์ตราสามหัววัว สูตร 2 จำนวน 8,000 กระสอบ ราคา 3,040,000 บาท จากบริษัทดินและปุ๋ย จำกัด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 14,560,000 บาท ต่อมาบริษัทดินและปุ๋ย จำกัด นำปุ๋ยบรรทุกรถยนต์ 12 คัน ทยอยไปส่งมอบแก่โจทก์ร่วม แต่รถยนต์คันที่ 6 และที่ 7 เดินทางไปไม่ถึงที่ทำการของโจทก์ร่วม ทำให้โจทก์ร่วมไม่ได้รับมอบปุ๋ยตามฟ้องจำนวน 640 กระสอบ ราคา 236,800 บาท สำหรับจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมไม่อุทธรณ์ คดีเฉพาะจำเลยที่ 1 จึงถึงที่สุดไปแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจกท์ร่วมว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ร่วมอ้างว่ามีกรรมสิทธิ์ในปุ๋ยตามฟ้อง 640 กระสอบ ราคา 236,800 บาท ซึ่งบริษัทดินและปุ๋ย จำกัด ขายให้โจทก์ร่วมโดยบรรทุกรถยนต์เพื่อส่งมอบให้โจทก์ร่วม จึงต้องวินิจฉัยก่อนว่า โจทก์ร่วมมีกรรมสิทธิ์ในปุ๋ยตามฟ้องจริงหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานเบิกความได้ความว่า เมื่อโจทก์ร่วมสั่งซื้อปุ๋ยจากบริษัทดินและปุ๋ย จำกัด แล้ว บริษัทฯ จะนำปุ๋ยบรรทุกรถยนต์มาส่งให้ยังที่ทำการโจทก์ร่วม เจ้าหน้าที่โจทก์ร่วมจะชั่งน้ำหนักปุ๋ยก่อน แล้วจึงตรวจรับปุ๋ย โดยเจ้าหน้าที่โจทก์ร่วมจะลงลายมือชื่อเป็นผู้รับสินค้าในใบส่งของ และคนขับรถยนต์ของบริษัทฯ จะมอบใบส่งของสีฟ้าซึ่งเป็นคู่ฉบับให้ฝ่ายโจทก์ร่วมเก็บไว้ การชำระค่าปุ๋ยยึดถือตามคู่ฉบับใบส่งของสีฟ้าเท่านั้น คดีนี้โจทก์ร่วมไม่ได้รับปุ๋ยตามฟ้อง โจทก์ร่วมจึงไม่ชำระเงินในส่วนนี้ให้บริษัทฯ เห็นว่า แม้บริษัทผู้ขายจัดการเอาปุ๋ยบรรทุกรถยนต์คันที่ 6 และที่ 7 เพื่อนำไปส่งมอบแก่โจทก์ร่วมผู้ซื้อตามที่สั่งซื้อก็ตาม แต่โจทก์ร่วมจะต้องตรวจรับโดยชั่งน้ำหนักปุ๋ยว่าตรงกับที่ระบุในใบส่งของหรือไม่ ทั้งในใบส่งของของบริษัทฯ ก็ระบุไว้เช่นเดียวกันว่าให้โจทก์ร่วมผู้สั่งซื้อตรวจนับสินค้าให้ครบถ้วนก่อนเซ็นชื่อรับ ส่วนการชำระค่าปุ๋ยก็ถือตามจำนวนปุ๋ยที่โจทก์ร่วมตรวจรับไว้แล้ว ตามพฤติการณ์น่าเชื่อว่าคู่กรณีมีเจตนาถือเอาการตรวจรับปุ๋ยของโจทก์ร่วมเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ปุ๋ย หาได้ถือเอาการคัดเลือก นับ ชั่งปุ๋ยของบริษัทฯ ผู้ขายแต่ฝ่ายเดียวเพื่อบ่งตัวทรัพย์หรือเพื่อให้รู้ราคาทรัพย์แน่นอนไม่ เมื่อบริษัทฯ ยังไม่ได้นำปุ๋ยตามฟ้องมาให้โจทก์ร่วมตรวจรับ กรรมสิทธิ์ในปุ๋ยจึงยังไม่ตกเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้
แม้คดีนี้จะเป็นคดีอาญาความผิดต่อแผ่นดินซึ่งพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนแม้ไม่มีผู้ร้องทุกข์ก็ตาม จึงให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้สหกรณ์การเกษตรเดชอุดม จำกัด เข้าร่วมเป็นโจทก์และยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 โจทก์ไม่ฎีกา โจทก์ร่วมซึ่งมิใช่ผู้เสียหายย่อมไม่มีอำนาจยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้องได้
พิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์ร่วม

Share