แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค การที่ผู้ทรงเช็คลองนำเช็คพิพาทหนึ่งฉบับไปขอขึ้นเงินเพื่อดูว่าเช็คจะมีเงินหรือไม่ และผู้จัดการธนาคารแจ้งว่าให้นำเช็คมาขึ้นเงินในตอนบ่ายเพราะผู้สั่งจ่ายจะนำดร๊าฟท์มาเข้าบัญชี หาใช่เป็นการที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ ในวันดังกล่าวความผิดจึงยังไม่เกิด อายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 จึงยังไม่เริ่มนับ
ย่อยาว
คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์ 3 ฉบับเพื่อชำระหนี้ เช็คดังกล่าวขึ้นเงินไม่ได้ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลย 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
“ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น วันที่ 17 ธันวาคม 2514 ที่โจทก์ให้นางสาวอมร สุจริตกุล ลองนำเช็คพิพาทหนึ่งฉบับไปขอขึ้นเงินเพื่อดูว่าเช็คจะมีเงินหรือไม่และผู้จัดการธนาคารแจ้งว่าให้นำเช็คมาขึ้นเงินในตอนบ่าย เพราะจำเลยจะนำดร๊าฟท์มาเข้าบัญชีในตอนบ่ายนั้น หาใช่เป็นการที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ ในวันดังกล่าวความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิด ความผิดของจำเลยเกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2515 อันเป็นวันที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน และธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น ซึ่งอายุความเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าวโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2515 วันที่ 8 มิถุนายน 2515 และวันที่ 23 มิถุนายน 2515 ตามลำดับ คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น”