แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารตึกแถวพิพาทที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งเข้ามาขอให้บังคับโจทก์ต้องเสนอราคาตึกพิพาทที่จะขายให้แก่จำเลยก่อนตามสัญญาเพราะจำเลยสืบทราบมาว่าโจทก์เสนอขายตึกพิพาทแก่บุคคลผู้มีชื่อแล้วนั้น เป็นเรื่องซึ่งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแต่ประการใด ศาลจึงไม่ควรรับฟ้องแย้งของจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถวพิพาทของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการขอให้ยกฟ้องโจทก์ กับจำเลยฟ้องแย้งว่าจำเลยทราบว่าโจทก์ตกลงขายตึกที่พิพาทแก่บุคคลผู้มีชื่อทำสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร ชำระเงินกันแล้วโจทก์เป็นเครื่องมือผู้ซื้อมาฟ้องขับไล่จำเลย โจทก์ปฏิบัติผิดสัญญาข้อ 13 โดยมิได้บอกกล่าวการขายให้จำเลยทราบ เพื่อจำเลยจะได้มีโอกาสซื้อได้ก่อนจึงขอถือเอาการที่โจทก์ปฏิบัติผิดสัญญานี้เป็นฟ้องแย้งโดยขอให้โจทก์เสนอราคาที่จะขายตึกพิพาทแก่จำเลยก่อน ถ้าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของโจทก์ ให้โจทก์โอนขายตึกพิพาทแก่จำเลยในราคา 50,000 บาท
ศาลชั้นต้นรับเป็นคำให้การ ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งเห็นว่า ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย การที่จำเลยฟ้องแย้งเข้ามาว่า “ขอให้บังคับโจทก์ต้องเสนอราคาตึกพิพาทที่จะขายแก่จำเลยก่อนตามสัญญา เพราะจำเลยสืบทราบมาว่าโจทก์เสนอขายตึกพิพาทแก่บุคคลผู้มีชื่อแล้ว” นั้นเป็นเรื่องซึ่งไม่เกี่ยวแก่คำฟ้องเดิมแต่ประการใด ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งไม่รับฟ้องแย้งนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน