แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกันคนละครึ่ง จำเลยครอบครองส่วนด้านทิศเหนือ โจทก์ครอบครองส่วนด้านทิศใต้ โจทก์ฟ้องคดีนี้ขอแบ่งตาม ความยาวของรูปที่ดินประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 บัญญัติเรื่องการแบ่งที่ดินระหว่างเจ้าของรวมว่า “…ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง…” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการแบ่งที่ดินพิพาทตามความยาวของรูปที่ดินน่าจะทำให้เกิดความเสียหายมากถึงขนาดต้องรื้อบ้านจำเลย ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่มีความประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น และทั้งโจทก์จำเลยได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทออกครอบครองเป็นส่วนสัดอยู่แล้ว จึงไม่ชอบที่จะแบ่งตามความยาวของรูปที่ดินดังที่โจทก์ขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกันคนละครึ่ง โจทก์ประสงค์จะแบ่งแยกที่ดินโดยแบ่งตามความยาวของโฉนดส่วนของโจทก์อยู่ด้านทิศตะวันออกเนื้อที่ ๕ ไร่ จำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ ขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกให้โจทก์ด้านทิศตะวันออกตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง หากไม่ยอมแบ่ง ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยพร้อมที่จะแบ่งที่ดินให้โจทก์ แต่จะต้องแบ่งตามที่ได้แบ่งแยกการครอบครองกันมาแล้ว โจทก์จำเลยต่างก็ทำคันนากั้นแยกจากกันเป็นส่วนสัด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่พิพาทโฉนดเลขที่ ๑๕๑๔ ตำบลปอเงิน (คูตัน) อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี คนละครึ่งทั้งสองฝ่ายได้เข้าครอบครองที่ดินแล้ว โดยโจทก์ครอบครองทำนาในที่ดินส่วนที่อยู่ทางด้านทิศใต้ติดต่อกับที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยครอบครองทำนา ทำสวนและมีบ้านพักอาศัยอยู่ในที่ดินส่วนที่อยู่ทางด้านทิศเหนือติดคลองบางโพเหนือ โจทก์ฎีกาขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินแปลงนี้ตามความยาวของรูปที่ดิน เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๖๔ บัญญัติว่า “การแบ่งทรัพย์สินพึงกระทำโดยแบ่งทรัพย์สินนั้นเองระหว่างเจ้าของรวม หรือขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน ถ้าเจ้าของรวมไม่ตกลงกันว่าจะแบ่งทรัพย์สินอย่างไรไซร้ เมื่อเจ้าของรวมคนหนึ่งคนใดขอ ศาลอาจสั่งให้เอาทรัพย์สินนั้นออกแบ่ง ถ้าส่วนที่แบ่งให้ไม่เท่ากันไซร้ จะสั่งให้ทดแทนกันเป็นเงินก็ได้ ถ้าการแบ่งเช่นว่านี้ไม่อาจทำได้หรือจะเสียหายมากนักก็ดี ศาลจะสั่งให้ขายโดยประมูลราคากันระหว่างเจ้าของรวมหรือขายทอดตลาดก็ได้” ถ้าแบ่งที่พิพาทตามคำขอของโจทก์จะเกิดความเสียหายมากนักถึงขนาดต้องรื้อบ้าน ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่มีความประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น นอกจากนี้ตามแผนที่พิพาทปรากฏแน่ชัดว่า มีร่องสวนขวางอยู่กลางเนื้อที่แบ่งที่พิพาทออกเป็นสองส่วนคือส่วนที่อยู่ทางด้านทิศเหนือและส่วนที่อยู่ทางด้านทิศใต้ โจทก์เองเบิกความรับว่าร่องสวนดังกล่าวนี้มีอยู่ตั้งแต่ตอนที่ซื้อที่พิพาท ตามพฤติการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายได้แบ่งแยกที่พิพาทออกครอบครองเป็นส่วนสัดดังที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาแล้ว ไม่ชอบที่จะแบ่งตามความยาวของรูปที่ดินดังโจทก์ขอ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน