แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องเก็บกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ที่บ้านโดยบุคคลในบ้านทุกคนรวมทั้งจำเลยสามารถนำกุญแจไปใช้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ของกลางได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวบุคคลใด แสดงว่า ผู้ร้องยินยอมอนุญาตให้จำเลยหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์ดังกล่าว ไปใช้ได้ตลอดเวลาตามที่จำเลยต้องการ โดยไม่คำนึงถึงว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์และอยู่ในอำนาจปกครองของตนจะนำรถ ไปใช้ในกิจการใด เมื่อจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับขี่ แข่งขันกันในถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรเช่นนี้ ย่อมถือว่าผู้ร้องเห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(8), 134, 160, 160 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 15 วัน และปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และสั่งริบรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียนจันทบุรี บ-5190 ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดดังกล่าวขอให้สั่งคืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยนต์ของกลางและใช้สิทธิโดยไม่สุจริตเพราะไม่เคยโต้แย้งกรรมสิทธิ์หรือขอคืนจากพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ผู้ร้องยังรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลย และมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าผู้ร้องเป็นผู้ปกครองจำเลยซึ่งเป็นผู้เยาว์ การที่ผู้ร้องยินยอมให้จำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับขี่ในยามวิกาลโดยปราศจากเหตุอันสมควรจนจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับขี่แข่งขันกันในที่เกิดเหตุย่อมถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วย เห็นว่าผู้ร้องเป็นมารดาจำเลยผู้เยาว์ ที่ผู้ร้องตอบคำถามค้านโจทก์ว่าผู้ร้องเก็บกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางไว้ที่บ้านโดยบุคคลในบ้านทุกคนสามารถนำกุญแจไปใช้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางได้จำเลยสามารถหยิบกุญแจนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวบุคคลใดในวันเกิดเหตุจำเลยได้นำกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้โดยไม่ได้บอกกล่าวผู้ร้องและผู้ร้องไม่ทราบว่าจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดนั้นแสดงว่าผู้ร้องยินยอมอนุญาตให้จำเลยหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์ของกลางดังกล่าวไปใช้ได้ตลอดเวลาตามที่จำเลยต้องการใช้โดยไม่คำนึงถึงว่าผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในอำนาจปกครองของตนจะนำรถไปใช้ในกิจการใด เมื่อจำเลยนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปขับขี่แข่งขันกันในถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจรเช่นนี้ ย่อมถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1ฟังว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น