คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1970/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น. กู้เงินผู้เสียหายโดย ส. ใช้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของส.ซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปค้ำประกันหนี้เงินกู้แม้จำเลยจะมิได้ร่วมไปบ้านผู้เสียหายในวันทำสัญญากู้ แต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับ น. และ ส. มาแต่ต้นในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยในวันเกิดเหตุจำเลยพา น. และ ส.ไปพบว.เพื่อให้พาบุคคลทั้งสองไปพบผู้เสียหาย ส่วนจำเลยรออยู่เพื่อคอยรับเงินส่วนแบ่งจาก น. พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวการใช้เอกสารปลอมด้วย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก 2 คนหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการนำเอาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่จำเลยกับพวกทำปลอมขึ้นมาแสดงเพื่อขอกู้เงินโดยนายนิพนธ์ ทองอ่อน เป็นผู้กู้ นายสมใจ เก่งล้วนหวัด เป็นผู้ค้ำประกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงยอมให้กู้เงินไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 266, 268, 341, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายและขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1205/2526 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีดังกล่าวตามฟ้อง
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ความผิดฐานฉ้อโกง ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268, 83 จำคุก 2 ปี ยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์และให้นับโทษต่อตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้จำเลยจะมิได้ร่วมไปบ้านผู้เสียหายกับนายนิพนธ์และนายสมใจในวันทำสัญญากู้ก็ตามแต่ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมมือกับนายนิพนธ์และนายสมใจมาตั้งแต่ต้นในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยในวันเกิดเหตุจำเลยพานายนิพนธ์และนายสมใจไปพบนางวิภาดาเพื่อให้พาบุคคลทั้งสองไปหาผู้เสียหายส่วนจำเลยรออยู่ที่บริษัทไทยประสิทธิ์ประกันภัย ฯ เพื่อคอยรับเงินส่วนแบ่งจากนายนิพนธ์พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวการในการใช้เอกสารคือใบรับรองการทำประโยชน์ปลอมด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

Share