แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอคืนค้าภาษีต่อกรมศุลกากรโดยกล่าวว่าสินค้านั้นยังมิได้จำหน่ายขายให้แก่ผู้ใดหรือเอาออกใช้ในประเทศนี้แต่ความจริงจำเลยได้ตกลงขายให้แก่ห้างในเมืองเชียงตุงโดยการขายตามตัวอย่าง แต่ห้างที่เชียงตุงยังมิได้ตอบรับซื้อมา ยังไม่ถือว่าจำเลยมีผิดฐานแจ้งความเท็จ ฎีกาอุทธรณ์ สัญญาทางพระราชไมตรี คดีที่จำเลยเป็นคนในบังคับอังกฤษ คู่ความฎีกาได้ฉะเพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ย่อยาว
ได้ความว่าเดิมจำเลยที่ ๑ ได้สั่งผ้าแพรเข้ามาขายในสยาม ได้เสียภาษีศุลกากรแล้ว แต่ขายไม่ได้ จึงตกลงขายผ้าแพรนี้ให้ห้างฮัสุรามในเชียงตุง โดยการขายตามตัวอย่าง แต่ห้างที่เชียงตุงยังไม่ได้ตอบรับซื้อมา จำเลยที่ ๑ จึงใช้ให้จำเลยที่ ๒ ไปยื่นคำขอคืนค่าภาษีโดยข้อความว่าสินค้าที่กล่าวนี้ยังมิได้จำหน่ายขายให้แก่ผู้ใด หรือเอาออกใช้ในประเทศนี้ และยังอยู่ในกรรมสิทธิของจำเลย โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จ
ศาลล่างทั้ง ๒ พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังว่ากรรมสิทธิในสินค้านั้นยังคงอยู่กับจำเลย ๆ ยังมิได้ขายให้แก่ผู้ใด
ศาลฎีกาตัดสินว่า คำว่า “สินค้าที่กล่าวนี้ยังมิได้จำหน่ายขายให้แก่ผู้ใด หรือเอาออกใช้ในประเทศนี้ ” ในแบบขอคืนค่าภาษีนั้น ต้องหมายความสินค้ายังมิได้จำหน่ายขายให้แก่ผู้ใดในประเทศนี้เลย แต่คดีนี้จำเลยขายให้ห้างฮัสุรามในเชียงตุง เท่ากับว่าของเหล่านั้นไม่ได้บริโภคในสยาม จึงจะถือว่าจำเลยแจ้งความเท็จมิได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น