แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกินสองแสนบาท ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้วินิจฉัยไว้แล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 247 ประกอบมาตรา 238
ที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ของจำเลยที่ 2 มีสภาพเป็นที่ราชพัสดุการจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่เอกชนจะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ ตามนัยของมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 การที่เจ้าของที่ดินเดิมของที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 กับโรงเรียนบ้านโนนสังข์ทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินกันถือเป็นเพียงการปฏิบัติในเบื้องต้นอันเป็นขั้นตอนหนึ่งในการจะโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น เพราะเหตุยังต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนอื่นๆ ตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการอีกหลายประการให้ครบถ้วนเสียก่อน เมื่อยังไม่มีการดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการจนครบถ้วน โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาการแลกเปลี่ยนที่ดินได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนมจากโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีไม่กำหนดให้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติในเบื้องต้นว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เป็นกรรมสิทธิ์ของนายสุมา เมื่อปี 2514 นายสุมาได้แลกเปลี่ยนที่ดินแปลงดังกล่าวกับที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ตำบลเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม กับโรงเรียนบ้านโนนสังข์ ซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 มอบหมายให้จำเลยที่ 1 บริหารจัดการเกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุในพื้นที่จังหวัดนครพนม และจำเลยที่ 2 มอบที่ดินดังกล่าวให้แก่โรงเรียนบ้านโนนสังข์เพื่อใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษา นายสุมาได้เข้าครอบครองปลูกสร้างบ้านและล้อมรั้วในที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ส่วนโรงเรียนบ้านโนนสังข์ได้สร้างสนามกีฬาลงบนที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 แล้วเช่นกัน ต่อมาปี 2533 นายสุมาและโรงเรียนบ้านโนนสังข์ได้จัดทำหนังสือการแลกเปลี่ยนที่ดินทั้งสองแปลง แล้วโรงเรียนได้รายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (ในขณะนั้น) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติมีมติเห็นชอบให้ทำการแลกเปลี่ยนที่ดินดังกล่าว แต่ยังมิได้มีการโอนที่ดินดังกล่าว ที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 นายสุมายกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของนางพัฒศนี แล้วนางพัฒศนีมายื่นคำร้องต่อธนารักษ์พื้นที่นครพนมเมื่อปี 2549 เพื่อขอแลกเปลี่ยนกับที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2549 ธนารักษ์พื้นที่นครพนม ส่งนายช่างสำรวจเข้าไปรังวัดสำรวจจัดทำแผนที่เพื่อทราบข้อเท็จจริงว่าที่ดินทั้งสองแปลงสามารถแลกเปลี่ยนกันได้หรือไม่อย่างไร ต่อมาปี 2550 นางพัฒศนียกที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 ให้แก่โจทก์ โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อธนารักษ์พื้นที่นครพนมเพื่อขอแลกเปลี่ยนที่ดินกับจำเลยที่ 2 อีกครั้งหนึ่ง ธนารักษ์พื้นที่นครพนมทำความเห็นรายงานจำเลยที่ 1 ว่า เห็นควรดำเนินการแลกเปลี่ยนให้แก่โจทก์ หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงธนารักษ์พื้นที่นครพนมแจ้งว่าต้องให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 ให้แก่จำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจำเลยที่ 2 จะดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ให้แก่โจทก์โดยการตราเป็นพระราชบัญญัติ และธนารักษ์นครพนมได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว แต่โจทก์นำคดีมาฟ้องก่อน โดยยังมิได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 ให้แก่จำเลยที่ 2 คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกินสองแสนบาท ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง คดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ และการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้วินิจฉัยไว้แล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบมาตรา 238 ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติดังกล่าวแล้วข้างต้น เห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2220 ของจำเลยที่ 2 มีสภาพเป็นที่ราชพัสดุ การจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่เอกชนจะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติ ตามนัยของมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ.2518 การที่เจ้าของที่ดินเดิมของที่ดินโฉนดเลขที่ 31645 กับโรงเรียนบ้านโนนสังข์ทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินกันถือเป็นเพียงการปฏิบัติในเบื้องต้นอันเป็นขั้นตอนหนึ่งในการจะโอนกรรมสิทธิ์เท่านั้น เพราะเหตุยังต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนอื่น ๆ ตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการอีกหลายประการให้ครบถ้วนเสียก่อน เมื่อยังไม่มีการดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของทางราชการจนครบถ้วน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ปฏิบัติตามสัญญาการแลกเปลี่ยนที่ดินข้างต้นได้ ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ฎีกาข้ออื่นนอกเหนือจากนี้เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่มีผลทำให้คำพิพากษาของศาลฎีกาเปลี่ยนแปลงไป เป็นฎีกาไม่เป็นสาระ ศาลฎีกาเห็นควรไม่วินิจฉัย คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ