แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2549 ก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งกรณีไม่อาจนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดมาใช้บังคับได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 ปี รวมจำคุก 12 ปี คืนธนบัตรล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของ คดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2549
วันที่ 17 มกราคม 2554 จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ขอให้งดการเพิ่มโทษ กับออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การลดโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเนื่องในวโรกาสหรือโอกาสต่าง ๆ ภายหลังคดีถึงที่สุดแล้วเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษแต่ละฉบับ กรณีดังกล่าวมิใช่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดและโทษตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ที่จำเลยจะขอให้กำหนดโทษใหม่ได้ คำร้องของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 (1) ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุที่จะงดเพิ่มโทษจำเลยหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 มาตรา 2 บัญญัติว่า “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2550 เป็นต้นไป” คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยจนคดีถึงที่สุดไปแล้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2549 ก่อนวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับ จำเลยจึงไม่ได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติดังกล่าว ทั้งกรณีไม่อาจนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดมาใช้บังคับได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างถูกกลับโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน