คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 17716/2539 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นได้ว่า ความเสียหายของโจทก์ตามฟ้องคดีนี้ เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้ว คำขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องคดีนี้ จึงต่างจากคำขอของโจทก์ให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายในคดีก่อน และมิใช่เป็นประเด็นที่ศาลในคดีก่อนไว้วินิจฉัยแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ทั้งมิใช่กรณีที่จะไปว่ากล่าวชั้นบังคับคดีในคดีก่อนได้ฉะนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน แต่เนื่องจากคดีนี้มีทุนทรัพย์ที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้มีการวินิจฉัยคดีตามลำดับชั้นศาล จึงพิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๕๔,๓๖๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๗๗๑๖/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้นหรือไม่ ตามคำฟ้องของโจทก์ในสำนวนคดีแพ่งดังกล่าว โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ ๑ คัน โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน แล้วจำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่างวดเช่าซื้อตามสัญญา โจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ ๑ แล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีหากไม่สามารถส่งคืนได้ก็ให้ใช้ราคาเป็นเงิน ๑๓๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยและให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้สอยรถยนต์ของโจทก์นับแต่วันผิดนัดจนกว่าส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์หรือใช้ราคาแทนครบถ้วน พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ ๑ ยื่นคำให้การและไม่สืบพยาน ส่วนจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๑๑๕,๐๐๐ บาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑,๓๕๖ บาท นับแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๘ จนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคาเสร็จแก่โจทก์ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองชำระค่าใช้ทรัพย์เดือนละ ๒,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒ ปี ๔ เดือน นับแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่า ในคดีก่อนโจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์หรือใช้ราคาแทนและให้ใช้ค่าเสียหายเป็นค่าใช้ทรัพย์นับแต่วันผิดชำระค่าเช่าซื้อ แต่คดีนี้แม้ฟ้องโจทก์จะบรรยายอ้างมูลเหตุว่าจำเลยทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าซื้อเช่นเดียวกับคดีก่อน แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องอ้างว่า หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว โจทก์ได้ติดตามยึดรถยนต์จากจำเลยทั้งสองคืนมาได้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามยึดรถคืนไป ๓,๐๐๐ บาท และรถยนต์ที่ยึดกลับคืนมามีสภาพชำรุดทรุดโทรม โจทก์ขายทอดตลาดไปได้เงินมาจำนวน ๖๓,๖๓๖.๓๖ บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าใช้จ่ายในการยึดรถและค่าเสื่อมราคา รวมเป็นเงิน ๕๔,๓๖๓ บาท พร้อมดอกเบี้ย ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ความเสียหายของโจทก์ตามฟ้องคดีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้ว คำขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องคดีนี้จึงต่างจากคำขอของโจทก์ให้บังคับจำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายในคดีก่อน และมิใช่เป็นประเด็นที่ศาลในคดีก่อนได้วินิจฉัยแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ทั้งมิใช่กรณีที่จะไปว่ากล่าวชั้นบังคับในคดีก่อนได้ เพราะการบังคับคดีในคดีก่อนจำต้องอาศัยคำพิพากษาที่วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในมูลหนี้ใดบ้าง จึงไม่อาจนำมูลหนี้ตามฟ้องในคดีนี้ที่เกิดขึ้นใหม่ภายหลังศาลมีคำพิพากษาในคดีก่อนไปบังคับคดีเอากับจำเลยทั้งสองในคดีก่อนได้ ฉะนั้น ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน แต่คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้มีการวินิจฉัยคดีตามลำดับชั้นศาล คำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองไม่ตรงกับความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

นายประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นางอัปษร หิรัญบูรณะ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share