แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก ที่บัญญัติว่าเมื่อความปรากฏแก่ศาลเอง หรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์ หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาล พิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ก็ให้ศาลที่ พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับ โทษในคดีหลังได้ โดยคดีก่อนและคดีหลังไม่จำต้องเป็นคดี ที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 33, 58 ริบค้อนของกลางและบวกโทษของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5051/2538 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษในคดีนี้
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นำโทษมาบวก
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3)(8) วรรคสาม จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เข้ากับโทษคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบของกลาง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นนำโทษจำคุกของจำเลยในคดีก่อนที่รอการลงโทษมาบวกกับโทษในคดีนี้เป็นการชอบหรือไม่ กับมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก ได้บัญญัติว่าเมื่อความปรากฏแก่ศาลเองหรือความปรากฏตามคำแถลงของโจทก์หรือเจ้าพนักงานว่า ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังจะเห็นได้ว่าตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นในการนำโทษที่รอการลงโทษในคดีก่อนมาบวกเข้ากับคดีหลังได้นั้น คดีก่อนและคดีหลังไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นคดีที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกันตามที่จำเลยอ้างมาในฎีกาแต่ประการใดไม่ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นได้นำโทษจำคุกของจำเลย ในคดีก่อนที่ให้รอการลงโทษมาบวกกับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้นั้น จึงเป็นการชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นแล้ว
พิพากษายืน