คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายอันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยได้พามาด้วย มิใช่ต้องรับผิดเฉพาะทรัพย์สินที่นำเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้เช่าห้องพักอาศัยอยู่ในโรงแรมของจำเลย และได้นำรถยนต์ของโจทก์เข้าไปจอดเก็บรักษาไว้ในบริเวณโรงแรม ปรากฏว่ารถยนต์ดังกล่าวได้ถูกคนร้ายลักไปโดยมิใช่ความผิดของเจ้าหน้าที่ของโจทก์ จึงขอให้จำเลยใช้ราคารถยนต์แก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ว่าเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่ได้จอดรถยนต์ไว้ภายในบริเวณโรงแรมของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์ตามคำฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้จอดรถยนต์คันเกิดเหตุไว้หน้าโรงแรมจำเลยและได้บอกฝากรถยนต์ไว้แก่พนักงานของจำเลย และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยฎีกาข้อต่อไปในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามเจตนารมณ์ของกฎหมายจำเลยจะต้องรับผิดเฉพาะทรัพย์สินที่ผู้มาพักแรมนำเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น สำหรับทรัพย์สินที่เอาไว้นอกโรงแรมเช่นรถยนต์ของโจทก์นั้น จำเลยย่อมไม่ต้องรับผิด พิเคราะห์แล้ว เรื่องความรับผิดของเจ้าสำนักโรงแรมต่อทรัพย์สินของคนเดินทางหรือแขกอาศัยนั้น มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๗๔ ว่า “เจ้าสำนักโรงแรมหรือโฮเต็ลหรือสถานที่อื่นทำนองเช่นว่านั้น จะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัย หากได้พามา” เห็นว่า ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวมิได้บัญญัติว่าเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดเฉพาะทรัพย์สินที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยนำเข้าไปในโรงแรมเท่านั้น หากเป็นทรัพย์สินที่คนเดินทางหรือแขกอาศัยพามาแล้ว เจ้าสำนักโรงแรมก็ต้องรับผิดในความสูญหายหรือบุบสลายเช่นกัน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้คำนิยามของคำว่า “พา” หมายความว่า “นำไป” ไม่ใช่นำเข้าไป จึงแปลความดังที่จำเลยฎีกาไม่ได้
พิพากษายืน

Share