แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านจำเลย พบรถยนต์ซึ่งถูกคนร้ายลักมา 1 คัน จำเลยแสดงตนว่าเป็นเจ้าของรถ โดยนำใบอนุญาตทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีซึ่งเป็นเอกสารปลอมมาแสดงเพื่อให้พ้นผิด เป็นการใช้หรืออ้างเอกสารนั้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับแล้ว เมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารปลอม แม้จำเลยต้องหาฐานลักทรัพย์รับของโจร จำเลยก็มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วย มาตรา 265 เมื่อพิจารณาถึงอายุและอาชีพของจำเลยแล้ว สมควรลงโทษสถานเบา ให้วางโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ริบเอกสารของกลางทั้งหมดข้อหาและคำวินิจฉัยอื่นให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยนำเอกสารหมาย ป.จ.1 และ ป.จ.5 แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมนั้นจำเลยมีสิทธิกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมอาญา คือจะให้การและต่อสู้คดีของตนอย่างใด ๆ ก็ได้โดยชอบ ไม่ถือว่าจำเลยมีเจตนาแสดงเอกสารหมาย ป.จ.1และ ป.จ.5 ซึ่งเป็นเอกสารปลอม ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร จำเลยย่อมให้การและต่อสู้คดีอย่างไรก็ได้ แต่การที่นำเอกสารหมาย ป.จ.1 แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับ เพื่อให้พ้นผิด ก็เท่ากับจำเลยเจตนาใช้หรืออ้างเอกสารนั้นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับแล้วเมื่อจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมก็ย่อมมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม”
พิพากษายืน