คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่า ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับโจทก์ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้าแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทยสาขาขอนแก่นในเรื่องการคิดดอกเบี้ยและวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น พฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินไว้กับธนาคารโจทก์สาขาปากช่องจำนวน ๒ ฉบับ รวมเป็นเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวถึงกำหนดแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่นำเงินมาชำระแก่โจทก์ โจทก์ได้ทวงถามแล้วจำเลยที่ ๑ เพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจำนวน๒,๑๙๑,๖๓๐.๑๒ บาท กับบังคับจำนอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงินรายพิพาททั้ง ๒ ฉบับ แก่โจทก์ เอกสารท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยที่ ๒ ไม่เคยค้ำประกัน และจำนองที่ดินเป็นประกันหนี้จำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ หนังสือค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ระหว่างนัดสืบพยานจำเลย จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีหลายครั้งและครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๓๓ จำเลยทั้งสองแถลงติดใจจะสืบผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาขอนแก่น เพียงปากเดียว ในประเด็นการคิดดอกเบี้ยที่ไม่ชอบและวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน โดยขอให้ส่งประเด็นไปสืบที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ทนายโจทก์แถลงคัดค้านว่า จำเลยไม่ได้สู้เรื่องการคิดดอกเบี้ยและให้การว่าไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสืบวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้เรื่องการคิดดอกเบี้ยและจำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินจากโจทก์ จึงไม่จำเป็นจะต้องสืบถึงวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว มีคำสั่งให้งดสืบพยานประเด็นจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒,๑๙๑,๖๓๐.๑๒ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จากต้นเงิน๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๓๒) ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๒๙๓๒, ๒๙๓๖ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระให้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองมาชำระหนี้ให้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้งดสืบพยานประเด็นจำเลยดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานประเด็นจำเลยเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ นั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสองให้การแต่เพียงว่าไม่เคยขายตั๋วสัญญาใช้เงินกับโจทก์ ไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องเป็นเอกสารปลอม จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องดอกเบี้ย หรือการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ถูกต้องหรือผิดแบบประเพณีการค้าแต่อย่างใด การที่จำเลยทั้งสองขอให้ส่งประเด็นไปสืบผู้จัดการธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาขอนแก่น ในเรื่องการคิดดอกเบี้ยและวิธีการซื้อขายตั๋วสัญญาใช้เงิน จึงเป็นการขอสืบพยานนอกประเด็น ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานดังกล่าวจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share