คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำที่ดินบริเวณที่ตกเป็นภารจำยอมแก่โจทก์ออกให้พ่อค้าแม่ค้าเช่าขายของในลักษณะหาบเร่แผงลอยไม่ถาวร ไม่เป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมของโจทก์แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ซื้อตึกแถวเลขที่ 471/2 และที่ดินโฉนดเลขที่ 9725 จากพันเอกหลวงพินิจภูวดล ตึกแถวดังกล่าวมีกันสาดด้านทิศเหนือกว้างประมาณ 1 เมตรเศษ ยาวประมาณ 9 เมตรเศษยื่นล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 3945 ของพันเอกหลวงพินิจภูวดลโจทก์ได้ใช้สิทธิในที่ดินส่วนที่กันสาดยื่นออกมาเป็นเวลาประมาณ17 ปีแล้ว ที่ดินส่วนนี้จึงเป็นภารจำยอมแก่โจทก์ จำเลยผู้รับมรดกจากพันเอกหลวงพินิจภูวดลจึงต้องรับสิทธิและหน้าที่ไปด้วยจำเลยได้นำที่ดินส่วนที่กันสาดยื่นออกไป ไปให้บุคคลอื่นเช่าค้าขายผลไม้และอาหาร เป็นการปิดกั้นทางออกของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมส่วนที่ดินที่ระบายสีแดงในแผนที่พิพาทท้ายฟ้องบนที่ดินโฉนดเลขที่ 3945 ให้กับโจทก์และให้ระงับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ใช้ที่ดินโดยได้รับความยินยอมและไม่ถึง 10 ปี ไม่ตกอยู่ในภารจำยอม ขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับโจทก์ให้รื้อถอนกันสาดของตึกแถวเลขที่ 471/2 ซึ่งปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 3945 ปิดกั้นประตู รื้อถอนบันไดด้านที่อยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 3945 ออกไป และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเป็นเงินเดือนละ 15,000 บาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งยืนยันตามฟ้องจำเลยไม่ดำเนินการก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ยกฟ้องแย้งจำเลยเกี่ยวกับคำขอให้โจทก์รื้อบันไดที่รุกล้ำออกจากที่ดินของจำเลยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ก่อน โจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่าขอให้จำเลยระงับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ โจทก์เบิกความว่าเมื่อประมาณต้นปี 2530 จำเลยให้แม่ค้ามาวางโต๊ะและตั้งเตาขายของ โดยจำเลยให้เช่าเป็นร้านค้าขายผลไม้ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด อาหารอิสลาม และอื่น ๆทำให้โจทก์เดินเข้าออกไม่ได้ พื้นสกปรก มีกลิ่นเหม็นนายเกรียงศักดิ์ ทรงวิทยาธรรม พยานโจทก์เบิกความว่าริมซอยวัฒนศิลป์ ในปี 2529 มีแม่ค้ามาวางขายของ แต่เป็นการวางชั่วคราว ปัจจุบันได้ทำชนิดถาวรขึ้น มีโต๊ะเก้าอี้วางไว้เป็นการถาวร นายบุญมี สุภาพ พยานโจทก์เบิกความว่า พยานขายผลไม้ริมซอยวัฒนศิลป์แบบหาบเร่มาตั้งแต่ปี 2512 ตอนก่อน ๆ มีแม่ค้ามาวางขายของริมซอยวัฒนศิลป์ประมาณ 2 ร้าน เป็นประเภทรถเข็นและหาบเร่ เมื่อขายเสร็จก็เข็นและเก็บกลับบ้าน ปัจจุบันมีร้านค้ามากประมาณ 7 ถึง 8 ร้าน ตั้งวางสิ่งของขายแบบถาวร เมื่อขายแล้วก็วางโต๊ะเก้าอี้ไว้ จำเลยเบิกความว่าที่ดินใต้กันสาดที่โจทก์สร้างยื่นออกมานั้น โจทก์ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่จำเลยได้ให้พ่อค้าแม่ค้าทำการค้าขายบนที่ดินดังกล่าวตั้งแต่เดิมเรื่อยมามีลักษณะเป็นหาบเร่สามารถขนย้ายสิ่งของออกได้ ปัจจุบันคงมีสภาพเช่นเดิม นางไพฑูรย์ก็เบิกความรับมาฝ่ายจำเลยคงให้แม่ค้าขายของตามปกติ โจทก์ไม่ได้ขอใช้ที่ดินใต้กันสาดแต่อย่างใด นางเนาะ ปิ่นสุข ก็เบิกความว่าพยานประกอบอาชีพค้าขายมานานประมาณ 25 ปี เดิมเป็นแม่ค้าหาบเร่ต่อมาพยานได้ขายก๋วยเตี๋ยวที่หน้าตึกแถวของโจทก์โดยเริ่มขายมาตั้งแต่ปี 2515 และมีแม่ค้าอื่นมาขายของบนที่พิพาทประมาณ 10 กว่ารายพยานนางจรวย และนางพร คงขายของบนที่พิพาทจนปัจจุบัน ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่โจทก์จำเลยนำสืบแต่เพียงว่า จำเลยได้ให้พ่อค้าแม่ค้านำของมาขายในบริเวณพื้นดินใต้กันสาดตึกแถวของโจทก์ โดยจำเลยไม่ได้ทำการปิดกั้นไม่ให้โจทก์และบริวารเดินผ่านเข้าออกตามที่โจทก์ได้รับภารจำยอม ดังนั้นการที่จำเลยนำที่ดินบริเวณดังกล่าวออกให้พ่อค้าแม่ค้าเช่าขายของในลักษณะหาบเร่แผงลอยไม่ถาวร จึงไม่เป็นการเสื่อมประโยชน์แก่ภารจำยอมของโจทก์แต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ในประเด็นข้อนี้มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share