คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในสัญญาค้ำประกันระบุว่า ผู้ร้องจะยอมรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้น เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์อาจยืน ยก แก้ หรือกลับเสียซึ่งคำสั่งศาลชั้นต้นก็ได้จึงยังฟังเป็นที่แน่นอนและถึงที่สุดแล้วไม่ได้ ผู้ร้องจึงยังไม่ต้องรับผิด

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย และเมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่ผู้ร้องในฐานะผู้ค้ำประกัน ซึ่งไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ทั้งนี้ ตามสัญญาค้ำประกันมีเงื่อนไขว่า ผู้ร้องยอมผูกพันเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อคดีดังกล่าวถึงที่สุด แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด เนื่องจากลูกหนี้ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้เจ้าหนี้รายที่ 1 ได้รับชำระหนี้ 1,192,963.20 บาท คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องจึงยังไม่ต้องรับผิด ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า ลูกหนี้ยื่นคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลาย โดยได้นำสัญญาค้ำประกันของผู้ร้องมาวางต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สัญญาค้ำประกันดังกล่าวมีเงื่อนไขว่า ผู้ร้องยอมเป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อคดีถึงที่สุด ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ และให้ยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้ ต่อมาลูกหนี้ได้ชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้เป็นเงิน 37,116.30 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับเงินไว้แล้วมีคำสั่งว่า ลูกหนี้ผิดเงื่อนไขการประนอมหนี้ตามคำสั่งศาล ให้เรียกผู้ค้ำประกัน (ผู้ร้อง) ชำระหนี้แทน ลูกหนี้ยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าลูกหนี้ยังมิได้ผิดเงื่อนไขการประนอมหนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของลูกหนี้ ลูกหนี้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และคดีถึงที่สุดแล้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่าคดียังไม่ถึงที่สุดนั้นเป็นการที่ลูกหนี้ยื่นอุทธรณ์คำขอชำระหนี้รายที่ 1คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และคดีดังกล่าวนั้นเป็นคนละส่วนกับคำขอประนอมหนี้และสัญญาค้ำประกัน ดังนั้นลูกหนี้จึงต้องปฏิบัติตามคำขอประนอมหนี้ คือจะต้องชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้ข้อ 1 ในทันที และข้อ 2 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ โดยไม่จำต้องรอให้คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 1 ถึงที่สุดก่อน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ลูกหนี้ได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลาย โดยยอมชำระค่าใช้จ่ายและหนี้สินตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 130(1) ถึง (7) โดยเต็มจำนวน และทันที เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ และยอมชำระหนี้ที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วเต็มจำนวน โดยชำระครั้งเดียวภายใน 15 วัน นับแต่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ และนำสัญญาค้ำประกันของผู้ร้องที่ ค.ป.982/29 มาวางต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้และให้ยกเลิกการล้มละลาย ลูกหนี้ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายตามคำขอประนอมหนี้ แต่ไม่นำเงินมาชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ อ้างว่าศาลยังมิได้มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีคำสั่งว่าลูกหนี้ผิดเงื่อนไขในการประนอมหนี้ และเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้แทน ลูกหนี้ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีถึงที่สุดลูกหนี้ได้ชำระหนี้ตามคำขอประนอมหนี้สำหรับเจ้าหนี้รายที่ 2 ส่วนหนี้ตามคำขอประนอมหนี้สำหรับเจ้าหนี้รายที่ 1ลูกหนี้และผู้ร้องไม่ยอมชำระ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้ผู้ร้องชำระตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และมีคำสั่งออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ผู้ร้อง
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องจะต้องรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่ ค.ป.982/29 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความในสัญญาค้ำประกันที่ระบุว่าผู้ร้องจะยอมรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้เมื่อศาลมีคำสั่งให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วเท่านั้น อันเป็นที่เห็นเจตนาของผู้ร้องว่าจะยอมรับผิดชำระหนี้ทันที เมื่อมีคำสั่งศาลถึงที่สุดให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้แล้ว เมื่อคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 1 ได้รับชำระหนี้ยังไม่ถึงที่สุด คือยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์อาจยืน ยก แก้ หรือกลับเสียซึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ได้ อันยังฟังเป็นที่แน่นอนและถึงที่สุดแล้วไม่ได้ผู้ร้องจึงยังไม่ต้องรับผิด ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาค้ำประกันที่ผู้ร้องทำไว้ซึ่งผู้ร้องสามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เพื่อยังไม่ต้องชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา694 กรณีจึงยังไม่มีการผิดนัดอันจะบังคับผู้ร้องให้ต้องรับผิดได้
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำบังคับและคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้น

Share