แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจในการให้กู้เงินด้วยการคิดดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนเป็นปกติเสมอมา ทำสัญญาให้กู้ยืมเงินโดยตกลงคิดดอกเบี้ยทบต้นเมื่อผิดนัดเป็นรายเดือนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกัน ให้ร่วมกันรับผิดใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยทบต้นที่ค้างชำระกับดอกเบี้ยทบต้นต่อไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่า ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญากู้และไม่ได้รับเงิน ทั้งโจทก์เรียกดอกเบี้ยทบต้นโดยฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ใช่ประเพณีการค้า เป็นเรื่องกู้เงินธรรมดา สัญญากู้เป็นโมฆะ
จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า สัญญากู้เป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันจึงไม่ผูกพันจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 133,588.85บาทแก่โจทก์ และให้เสียดอกเบี้ยทบต้นในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2503 ตลอดไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ผู้เดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกา ดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนในอัตราร้อยละ8 ต่อปี เป็นโมฆะ
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ธนาคารโจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ประกอบธุรกิจในการให้กู้ยืมเงินด้วย และมีประเพณีการค้าในการให้กู้เงินด้วยการคิดดอกเบี้ยเป็นรายเดือนเป็นปกติเสมอมา รูปคดีเข้าอยู่ในบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 655 วรรคสอง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นของวรรคต้น สัญญากู้ที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารโจทก์ยอมให้คิดดอกเบี้ยทบต้นเมื่อผิดนัดเป็นรายเดือนจึงสมบูรณ์ใช้ได้ หาเป็นโมฆะไม่ จำเลยต้องชำระเงินดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนให้โจทก์ พิพากษายืน