คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ คือ ทำสัญญากู้ให้ไว้แก่โจทก์ จำเลยชำระหนี้รายนี้ให้แก่โจทก์ด้วยเช็คเงินสด โจทก์จึงคืนสัญญากู้แก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน ปรากฏว่าเงินของจำเลยชำระหนี้ตามหลักฐานกู้นั้น และโจทก์ได้ส่งอ้างหนังสือของจำเลยที่รับว่าเป็นหนี้โจทก์ต่อศาล ดังนี้การที่โจทก์ส่งอ้างต้นฉบับสัญญากู้ ยังไม่ได้จะถือเคร่งครัดว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหาชอบไม่ เพราะโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93 (2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์ด้วยเช็คเงินสด โจทก์จึงคืนสัญญากู้แก่จำเลยไป แต่เมื่อโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงิน ปรากฏว่าเงินของจำเลยมีไม่พอจ่ายจึงต่อว่าจำเลย จำเลยขอผัดจนกระทั่งต้องฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระต้นเงินกู้กับดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์จำเลยจ่ายเช็คตามฟ้อง ให้โจทก์เพื่อนำไปแสดงแก่บริษัททหารสามัคคีที่โจทก์จำเลยร่วมกันค้าข้าวเปลือกกับบริษัทนั้นและตัดฟ้องว่า ฟ้องเคลือบคลุมไม่แน่ว่า ฟ้องเรียกตามสัญญากู้หรือตามเช็คและฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสอบโจทก์โจทก์แถลงว่า โจทก์ฟ้องขัดแล้วว่า เป็นเรื่องจำเลยกู้เงินโจทก์ไป ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มุ่งฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จะฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ คดีของโจทก์ขาดอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๐๒ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องมีข้อความชัดว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ ตามหลักฐานการกู้นั้น โจทก์ได้ส่งหนังสือของจำเลยที่รับว่าเป็นหนี้โจทก์ต่อศาลมีใจความขอผัดชำระหนี้ การที่โจทก์ส่งอ้างต้นฉบับสัญญากู้ ยังไม่ได้จะถือเคร่งครัดว่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหาชอบไม่ เพราะโจทก์ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๓ (๒)
พิพากษายืน

Share