คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่ง นัดสืบพยานครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ขอถอนตัว โจทก์ขอเลื่อนศาลอนุญาต ก่อนวันนัดครั้งสอง ผู้ซึ่งต่อมาโจทก์ตั้งเป็นทนาย โทรเลขขอเลื่อนอ้างว่าติดว่าความศาลอื่น ครั้นถึงวันนัด ตัวโจทก์มาศาลและแถลงขอเลื่อนด้วยตนเองอ้างเหตุดังกล่าวอีก เช่นนี้ รูปคดีมีเหตุอันสมควรที่จะให้โจทก์เลื่อนคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวันอินทราราม กับพวก ได้มาขอตรวจค้นกุฏิของโจทก์หาว่าโจทก์ยักยอกของสงฆ์ แล้วค้นเก็บเอาของในกุฏิโจทก์ไปรวมราคา ๖,๒๘๐ บาท ต่อมาจำเลยรับจะคืนให้ แต่ไม่คืน ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์เป็นฝ่ายอ้างว่าจำเลยทำละเมิดและเป็นฝ่ายนำสืบก่อน เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบประกอบ คดีของโจทก์ไม่มีทางชนะ จึงให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การเลื่อนคดีนัดแรกเพราะทนายโจทก์ขอถอนตัวจากการเป็นทนายโจทก์ มีเหตุผลสมควรอนุญาตให้เลื่อน และศาลชั้นต้นก็อนุญาตให้เลื่อนแล้ว ส่วนในการขอเลื่อนครั้งที่ ๒ ก็ได้ความว่าก่อนถึงวันนัด นายรื่น มณีวงศ์ ซึ่งต่อมาโจทก์ได้ยื่นใบแต่งทนายให้เป็นทนายโจทก์ ได้โทรเลขมาบอกยังศาลว่าตนติดว่าความที่ศาลแพ่ง ซึ่งนัดไว้ก่อนและขอเลื่อนคดี ครั้นถึงวันนัด โจทก์ก็มาศาลแถลงอ้างความจำเป็นดังที่นายรื่นทนายได้โทรเลขมา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่าโจทก์ยังเป็นห่วงเอาธุระแก่คดีของตนอยู่ การที่โจทก์ไม่ขอหมายเรียกพยานมาศาลนั้น ตามคำแถลงของโจทก์ก็พอฟังได้ว่าเพราะนึกว่าคดีจะต้องเลื่อนเนื่องจากทนายไม่มา ทั้งตัวโจทก์ก็ไม่มีความรู้ทางคดี ย่อมไม่เข้าใจในระเบียบวิธีพิจารณาเกี่ยวกับการสืบพยาน ยังไม่พอฟังว่าโจทก์ประวิงคดี คำขอเลื่อนคดีของโจทก์มีเหตุจำเป็นที่สมควรให้เลื่อนได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share