คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ของกลางที่จับได้จากจำเลยในการกระทำผิดฐานประกอบโรคศิลปะและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถ้าจำเลยเป็นผู้ไม่มีวุฒิที่จะได้รับอนุญาตให้ทำการปรุงยาขึ้นเพื่อจำหน่ายได้เลย ความผิดของจำเลยอยู่ที่การกระทำการปรุงยาจำหน่าย หาใช่เพียงไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นไม่ของกลางรายนี้จึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและได้มาโดยได้กระทำผิดซึ่งนอกจากริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ศาลยังมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อีกด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 43/2504)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานประกอบโรคศิลปะและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตและขอให้ริบของกลางซึ่งจับได้จากจำเลยในการกระทำผิดดังกล่าวด้วย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษา ความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการขายยา พ.ศ. 2493 มาตรา 28 ซึ่งเป็นบทหนัก ของกลางไม่ริบ

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้องและขอให้ริบของกลางด้วย

ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตามฟ้อง ส่วนของกลางในคดีนี้วินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาปรึกษาในที่ประชุมใหญ่ว่าจำเลยเป็นผู้ไม่มีทางที่จะได้รับอนุญาตให้ทำการปรุงยาขึ้นเพื่อจำหน่ายได้เลย เพราะจำเลยไม่มีวุฒิในทางนั้นดังที่กฎหมายกำหนดไว้ ฉะนั้นที่ประชุมใหญ่จึงเห็นว่า ความผิดของจำเลยอยู่ที่การกระทำการปรุงยาจำหน่าย หาใช่เพียงไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นไม่ ของกลางรายนี้จึงเป็นของที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและได้มาโดยได้กระทำความผิดต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 ซึ่งนอกจากจะริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้วยังให้ศาลมีอำนาจสั่งริบตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 33 นั้นอีกด้วย” พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และริบของกลางด้วย

Share