คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขาดจากสัญชาติไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 ++เป็นไปด้วยใจสมัคร
เมื่อบุคคลยังมีสัญชาติไทยอยู่ ก็มีหน้าที่ต้องมีใบสำคัญหรือต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนต่างด้าว ไม่ต่ออายุใบสำคัญประจำตัวฯ และไม่มีใบสำคัญประจำตัวฯ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลจังหวัดเลยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทุกคนเดิมมีสัญชาติเป็นไทยตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖ เพราะเกิดในราชอาณาจักรไทย การที่จำเลยบางคนสมรสกับคนต่างด้าว จำเลยก็มิได้สละสัญชาติไทย จำเลยจึงได้ใบทะเบียนต่างด้าวมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่จำต้องมีใบทะเบียนประจำตัวคนต่างด้าวและไม่มีหน้าที่ต้องขอต่ออายุใบสำคัญนั้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า
(๑) ม.๑๒ ทวิแพ่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. ๒๔๙๕ เพิ่มเติมโดย ม.๕ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๖ ที่บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีสัญชาติไทย เพราะเกิดในราชอาณาจักร แต่บิดาเป็นคนต่างด้าวนั้น ถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าวแล้ว ให้ขาดจากสัญชาติไทย ไม่ว่าจะได้รับใบสำคัญประจำตัวก่อนหรือหลังวันใช้ พ.ร.บ.นี้บังคับ” นั้น ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวที่เจ้าพนักงานออกให้ย่อมใช้ได้ตามมาตรานี้ทั้งสิ้น ไม่ต้องคำนึงว่าผู้ได้รับใบสำคัญได้ใบสำคัญนั้นมาโดยสมัครใจหรือไม่
(๒) จำเลยเสียสัญชาติไทยตั้งแต่ทำการสมรสกับสามีซึ่งเป็นจีน
(๓) เมื่อใบสำคัญที่จำเลยบางคนได้มานั้นสมบูรณ์ตามกฎหมาย จำเลยก็มีหน้าที่ต้องต่ออายุใบสำคัญ
ศาลฎีกาเห็นว่า
จำเลยได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาโดยไม่สมัครใจ จำเลยจึงยังไม่สูญเสียสัญชาติไทยตามฎีกาข้อ (๑) ส่วนในฎีกาข้อ (๒) ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยสละสัญชาติไทยและไม่ปรากฎว่ากฎหมายแห่งประเทศจีนจะยอมให้บุคคลอย่างจำเลยได้รับสัญชาติจีนตามสามี จำเลยจึงมิได้เสียสัญชาติไทย

ดังนี้ จำเลยจึงไม่จำต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือต้องต่ออายุดั่งโจทก์ฟ้อง พิพากษายืน.

Share